ซาโตชิ นากาโมโตะ ผู้สร้าง Bitcoin โดยมีเจตนาให้เป็นระบบการเงินแบบไร้ตัวกลาง ได้กำหนดนโยบายการเงินไว้เรียบร้อยแล้วว่า Bitcoin บนโลกใบนี้จะมีเพียง 21ล้านเหรียญเท่านั้น และ Bitcoin halving ก็เป็นนโยบายการเงินอย่างหนึ่งที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับ Bitcoin ที่ขุดได้ใหม่เท่านั้น ส่วนBitcoin ที่มีอยู่แล้วในระบบ ก็หมุนเวียนใช้จ่ายตามปกติ 

Bitcoin halving คือการที่เหรียญ ที่ได้จากการขุดBitcoin ต่อ 1บล็อก จะลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นในทุก ๆ 4 ปี 

เริ่มมาตั้งแต่ ปี 2008-2009 Bitcoin บล็อกแรกของโลกที่ขุดได้ จะได้จำนวน 50 BTC และทุกๆ 10 นาทีต่อมา ก็จะมี Bitcoin เกิดใหม่จำนวน 50 BTC ไปเรื่อยๆ

ผ่านมา 4ปี ก็มาถึงปี 2012 Bitcoin ที่เกิดใหม่จากการขุด ก็จะลดลงเหลือ 25 BTC, ผ่านมาอีก 4ปี มาถึงปี 2016 Bitcoinใหม่ จะลดลงเหลือ 12.5 BTC, ผ่านมาอีก 4ปี ก็มาถึงการ halving ครั้งล่าสุดที่ได้เกิดขึ้นเมื่อประมาณวันที่ 12 พฤษภาคม 2020 (ปีที่แล้วนี้เอง) Bitcoinใหม่ ลดลงเหลือ 6.25 BTC 

นั่นหมายความว่าปัจจุบันขณะนี้ ทุกๆ10นาที จำนวน Bitcoinใหม่ ที่นักขุดจะได้รับคือ 6.25 BTC และถัดจากนี้จะเกิด halving ครั้งต่อไปที่ปี 2024 ก็จะลดลงเหลือ 3.125 BTC 

การลดลงครึ่งหนึ่งของเหรียญที่ได้จากการขุดทุกๆ 10 นาทีนี้  จะมีขึ้นทุก ๆ 4 ปีไปเรื่อย ๆ และคาดว่าจะไปสิ้นสุดที่ประมาณปี 2140 เมื่อถึงตอนนั้น Bitcoin จำนวนทั้งสิ้น 21ล้านเหรียญ ก็จะถูกขุดออกมาจนหมดเรียบร้อย ซึ่งปัจจุบัน Bitcoin ถูกขุดมาได้แล้วประมาณ 18ล้านเหรียญ

ทำไม? Bitcoin จึงถูกกำหนดให้มีแค่ 21ล้านเหรียญ และทำไม? ต้องกำหนดให้เหรียญเกิดใหม่ที่ได้จากการขุด ต้องลดลงทุกๆ 4ปี (Bitcoin halving) นั่นเป็นเพราะว่า หากปล่อยให้มีจำนวน Bitcoin หมุนเวียนอยู่ในระบบมากเกินไป ก็จะส่งผลทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อได้  เพราะจำนวนเหรียญ(อุปสงค์)ออกมามากเกินกว่าความต้องการใช้(อุปทาน) นั่นเอง

Bitcoin ในระบบจึงจำเป็นต้องมีจำนวนจำกัดและหาได้ยากเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ ไม่ใช่ว่าอยากจะขุดออกมาเท่าไรก็ได้  หากเป็นเช่นนั้น คงไม่ต่างอะไรกับเงินกระดาษ ที่เกิดปัญหาเงินเฟ้อ(เงินด้อยค่าลง) อยู่ในตอนนี้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *