หากคุณเทรดมาสักระยะหนึ่งแล้ว คุณจะรู้ว่าการทำผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด ในความเป็นจริงแล้ว เทรดเดอร์รายใดก็ตามไม่สามารถหลีกเลี่ยงความสูญเสียได้ แม้แต่ผู้ที่มีประสบการณ์มากแล้วก็ยังคงผิดพลาด แต่เกิดขึ้นน้อยกว่า
ด้วยเหตุนี้ จึงมีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่มือใหม่เกือบทุกคนมักทำมันในช่วงเริ่มต้น เทรดเดอร์ที่ดีที่สุดมักจะเปิดใจกว้าง มีเหตุผล และสงบอยู่เสมอ พวกเขาเข้าใจแผนการเทรดของพวกเขา และเพียงอ่านจากสิ่งที่ตลาดบอก
นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ หากคุณต้องการประสบความสำเร็จ! หากคุณพัฒนาคุณสมบัติเหล่านี้ คุณจะสามารถจัดการความเสี่ยง, วิเคราะห์ข้อผิดพลาด, ใช้จุดแข็งของคุณ และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง พยายามเป็นคนที่สงบที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปอย่างที่คิด
มาดูกันว่าคุณจะหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่ชัดเจนที่สุดได้อย่างไร!
คำนำ
Technical analysis (TA) หรือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นหนึ่งในวิธีที่ใช้มากที่สุดในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน TA สามารถนำไปใช้กับตลาดการเงินใดๆ ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น, ฟอเร็กซ์, ทองคำ หรือสกุลเงินดิจิทัล
แม้ว่าแนวคิดพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะค่อนข้างเข้าใจง่าย แต่ก็เป็นศิลปะที่ยากจะเชี่ยวชาญ เมื่อคุณเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เป็นเรื่องปกติที่จะทำผิดพลาดมากมายระหว่างทาง สิ่งนี้อาจเป็นอันตรายอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการซื้อขายหรือการลงทุน หากคุณไม่ระมัดระวังและเรียนรู้จากความผิดพลาด คุณอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินทุนก้อนโตของคุณ การเรียนรู้จากความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ดี แต่จะดีกว่ามากหากเราหลีกเลี่ยงมันให้ได้มากที่สุด
บทความนี้ จะแนะนำให้คุณรู้จักกับข้อผิดพลาดทั่วไปบางประการในการวิเคราะห์ทางเทคนิค หากคุณยังใหม่กับการซื้อขาย ทำไมไม่ลองอ่านพื้นฐานการวิเคราะห์ทางเทคนิคดูก่อนล่ะ? ลองอ่านบทความของเราเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ว่าคืออะไร? และตัวชี้วัดสำคัญ 5 ประการที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ดังนั้น อะไรคือข้อผิดพลาดทั่วไปที่มือใหม่เริ่มต้นทำ เมื่อทำการเทรดด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิค?
1. ไม่ยอมตัดขาดทุน (cut loss)
เริ่มต้นด้วยคำพูดจาก Ed Seykota เทรดเดอร์สินค้าโภคภัณฑ์:
“องค์ประกอบของการซื้อขายที่ดีคือ: (1) ตัดการขาดทุน (2) ตัดการขาดทุน และ (3) ตัดการขาดทุน หากคุณทำตามกฎทั้งสามข้อนี้ได้ คุณก็อาจมีโอกาส”
ดูเหมือนเป็นขั้นตอนง่ายๆ แต่ก็ควรเน้นย้ำถึงความสำคัญของขั้นตอนนี้เสมอ เมื่อพูดถึงการซื้อขายและการลงทุน การปกป้องเงินทุนของคุณควรเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งเสมอ
การเริ่มต้นด้วยการซื้อขายอาจเป็นเรื่องที่น่ากังวล แนวทางที่ชัดเจนในการพิจารณาเมื่อคุณเริ่มต้นมีดังต่อไปนี้: ก้าวแรกไม่ใช่การชนะ แต่คือการไม่แพ้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมการเริ่มต้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อย ๆ หรือแม้แต่การไม่เสี่ยงกับเงินทุนจริงก็อาจเป็นเรื่องดี
การตั้งค่า cut loss นั้น เป็นเหตุผลง่ายๆ การซื้อขายของคุณควรมีจุดที่ไม่ถูกต้อง นี่คือจุดที่คุณต้องยอมรับว่าคุณวิเคราะห์ผิด และยุติเกมการเทรดนั้นก่อนที่จะสูญเสียไปมากกว่านี้ หากคุณไม่ใช้ความคิดนี้กับการซื้อขายของคุณ คุณจะไม่ประสบความสำเร็จในระยะยาว แม้แต่การซื้อขายที่ไม่ดีเพียงครั้งเดียวก็อาจส่งผลเสียต่อพอร์ตการลงทุนของคุณได้ และคุณอาจต้องแบกถุงที่ขาดทุนไว้ โดยหวังว่าตลาดจะฟื้นตัว
2. Overtrading ทำการเทรดมากเกินไป
เทรดเดอร์มือใหม่ มักมีความกระตือรือร้น และคิดว่าจำเป็นต้องเทรดอยู่เสมอ ซึ่งจริง ๆ แล้วการซื้อขายเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์มากมาย และการนั่งรออย่างอดทน! ก็เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่ง คุณอาจต้องรอเป็นเวลานานเพื่อรับสัญญาณที่เชื่อถือได้ เพื่อเข้าสู่การซื้อขาย เทรดเดอร์บางรายอาจเข้าเทรดน้อยกว่าสามครั้งต่อปี แต่ก็ยังคงได้ผลตอบแทนที่โดดเด่น
ลองอ่านคำพูดนี้จากเทรดเดอร์ Jesse Livermore หนึ่งในผู้บุกเบิกการซื้อขายแบบรายวัน:
“เงินได้มาจากการนั่ง ไม่ใช่การเทรด”
พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าสู่การซื้อขายเพียงเพื่อประโยชน์เท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในการซื้อขายเสมอไป ในความเป็นจริง ในบางสภาวะตลาด การไม่ทำอะไรเลยและรอให้โอกาสที่จะทำกำไรได้มากกว่าปรากฏขึ้นก่อนค่อยทำการเทรด ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถรักษาเงินทุนของคุณและมีพร้อมใช้ทันทีที่โอกาสในการซื้อขายที่ดีปรากฏขึ้นอีกครั้ง โปรดทราบว่าโอกาสต่างๆ จะกลับมาเสมอ คุณเพียงแค่ต้องรอโอกาสเท่านั้น
ข้อผิดพลาดในการซื้อขายที่คล้ายกันคือ การเน้นไปที่ time frames หรือ กรอบเวลา ที่ต่ำกว่า มากเกินไป โดยทั่วไปการวิเคราะห์ที่ทำในกรอบเวลาที่สูงกว่าจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าการวิเคราะห์ที่ทำในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า ด้วยเหตุนี้ กรอบเวลาที่ต่ำจะรบกวนตลาดอย่างมาก และอาจดึงดูดให้คุณเข้าสู่การซื้อขายบ่อยขึ้น แม้ว่าจะมีนักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จและเทรดเดอร์ที่ทำกำไรระยะสั้นได้มากมาย แต่การซื้อขายในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า มักจะนำมาซึ่งอัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่ไม่ดี เนื่องจากเป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่มีความเสี่ยง จึงไม่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้นอย่างแน่นอน
3. การเทรดเพื่อเอาคืน
เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นเทรดเดอร์พยายามที่จะทำกำไรคืนจำนวนมากในทันที นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่าการซื้อขายเพื่อแก้แค้น หรือพยายามเอาคืนจากตลาดนั่นเอง มันไม่สำคัญว่าคุณต้องการเป็นนักวิเคราะห์ทางเทคนิค, เทรดเดอร์รายวัน หรือเทรดเดอร์แบบ swing การหลีกเลี่ยงการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ถือเป็นสิ่งสำคัญ
เป็นเรื่องง่ายที่จะสงบสติอารมณ์เมื่อสิ่งต่างๆ เป็นไปด้วยดี หรือแม้แต่เมื่อคุณทำผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แต่คุณจะสงบสติอารมณ์ได้ไหม? เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นเกินไปมากจากที่คาดคิด คุณจะสามารถทำตามแผนการซื้อขายของคุณ แม้ว่าคนอื่นจะตื่นตระหนกได้หรือไม่?
สังเกตคำว่า “การวิเคราะห์” ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค แน่นอนว่านี่หมายถึงแนวทางการวิเคราะห์ตลาดใช่ไหม ดังนั้น คุณจึงไม่ควรตัดสินใจอย่างเร่งรีบตามอารมณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว หากคุณต้องการเป็นเทรดเดอร์ที่ดี คุณควรจะสงบสติอารมณ์ได้แม้จะเกิดข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดก็ตาม หลีกเลี่ยงการตัดสินใจทางอารมณ์ และมุ่งเน้นไปที่การรักษากรอบความคิดเชิงวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล
การเทรดต่อทันทีหลังจากประสบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การขาดทุนที่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้ เทรดเดอร์บางรายอาจไม่ซื้อขายเลยเป็นระยะเวลาหนึ่งหลังจากขาดทุนครั้งใหญ่ ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจึงสามารถเริ่มต้นใหม่และกลับสู่การซื้อขายด้วยสภาพจิตใจที่มั่นคง
4. เป็นคนดื้อรั้นเกินกว่าจะเปลี่ยนใจ
หากคุณต้องการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ อย่ากลัวที่จะต้องเปลี่ยนใจ เนื่องจากสภาวะตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และสิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ มันจะเปลี่ยนแปลงต่อไป งานของคุณในฐานะเทรดเดอร์ก็คือ รับรู้การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น กลยุทธ์ใด ๆ ที่เคยทำงานได้ดีในสภาพแวดล้อมของตลาดที่เฉพาะเจาะจง อาจไม่ได้ผลเลยในตลาดอื่น
เรามาอ่านสิ่งที่เทรดเดอร์ในตำนาน Paul Tudor Jones พูดเกี่ยวกับ positions ของเขา:
“ทุกๆ วัน ฉันถือว่าทุก positions ที่ฉันมีนั้นผิด”
เป็นวิธีปฏิบัติที่ดี ที่จะพยายามหาข้อโต้แย้งของอีกฝั่งเพื่อมาดูจุดอ่อนที่อาจเกิดขึ้น ด้วยวิธีนี้ ข้อวินิจฉัยการลงทุนของคุณ (และการตัดสินใจ) จะมีความครอบคลุมมากขึ้น
สิ่งนี้ยังนำมาซึ่งอีกประเด็นหนึ่ง คือ อคติด้านความรู้ความเข้าใจ อคติสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจของคุณ ทำให้การตัดสินใจของคุณคลุมเครือ และจำกัดขอบเขตความเป็นไปได้ที่คุณสามารถพิจารณาได้ อย่างน้อยต้องแน่ใจว่า คุณเข้าใจอคติด้านการรับรู้ที่อาจส่งผลต่อแผนการซื้อขายของคุณ เพื่อให้คุณสามารถบรรเทาผลที่ตามมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5. ละเลยสภาวะตลาดที่รุนแรง
มีหลายครั้งที่คุณสมบัติในการคาดการณ์ของ TA มีความน่าเชื่อถือน้อยลง สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเหตุการณ์ black swan หรือสภาวะตลาดสุดขั้วประเภทอื่นๆ ที่ถูกขับเคลื่อนอย่างหนักจากอารมณ์และจิตวิทยามวลชน ท้ายที่สุดแล้ว ตลาดถูกขับเคลื่อนโดยอุปสงค์และอุปทาน และอาจมีบางครั้งที่ตลาดไม่สมดุลอย่างมากในด้านใดด้านหนึ่ง
ยกตัวอย่าง Relative Strength Index (RSI) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้โมเมนตัม โดยทั่วไป หากค่าที่อ่านได้ต่ำกว่า 30 สินทรัพย์บนกราฟอาจถือว่ามีการขายมากเกินไป นี่หมายความว่าเป็นสัญญาณการซื้อขายทันทีเมื่อ RSI ต่ำกว่า 30 หรือไม่? ไม่ได้อย่างแน่นอน! มันเพียงหมายความว่าโมเมนตัมของตลาดในปัจจุบันถูกกำหนดโดยฝ่ายผู้ขาย กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันเพียงบ่งชี้ว่า แรงขายแข็งแกร่งกว่าแรงซื้อ
RSI สามารถเข้าถึงระดับสูงสุดได้ในช่วงสภาวะตลาดที่ไม่ปกติ มันอาจจะลดลงเหลือเพียงหลักเดียว – ใกล้เคียงกับค่าที่อ่านได้ต่ำที่สุด (ศูนย์) แม้แต่การอ่านค่าที่ขายมากเกินไปก็อาจไม่ได้แปลว่าการกลับตัวกำลังใกล้เข้ามาเสมอไป
การตัดสินใจแบบสุ่มสี่สุ่มห้า โดยใช้เครื่องมือทางเทคนิคที่มีการอ่านค่าสูงอาจทำให้คุณสูญเสียเงินจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเหตุการณ์ Black Swan เมื่อการเคลื่อนไหวของราคาอ่านได้ยากเป็นพิเศษ ในช่วงเวลาเช่นนี้ ตลาดสามารถดำเนินต่อไปในทิศทางเดียวหรืออีกทิศทางหนึ่ง และไม่มีเครื่องมือวิเคราะห์ใดที่จะหยุดยั้งมันได้ ด้วยเหตุนี้การพิจารณาปัจจัยอื่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญเสมอ และไม่พึ่งพาเครื่องมือเพียงชิ้นเดียว
6. ลืมไปว่า TA เป็นเพียงเกมแห่งความน่าจะเป็น
การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสัมบูรณ์ มันเกี่ยวข้องกับความน่าจะเป็น ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าคุณจะใช้แนวทางทางเทคนิคใดก็ตาม ก็ไม่รับประกันว่าตลาดจะเป็นไปตามที่คุณคาดหวัง บางทีการวิเคราะห์ของคุณอาจชี้ให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ตลาดจะขยับขึ้นหรือลง แต่นั่นก็ยังไม่มีความแน่นอน
คุณต้องคำนึงถึงสิ่งนี้เมื่อคุณตั้งค่ากลยุทธ์การซื้อขายของคุณ ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์มากน้อยเพียงใด การคิดว่าตลาดจะเป็นไปตามการวิเคราะห์ของคุณก็ไม่ใช่ความคิดที่ดี หากคุณทำเช่นนั้น คุณมีแนวโน้มที่จะเข้าซื้อ หรือเปิด position ด้วยเงินก้อนใหญ่เกินไปกับผลลัพธ์เดียว ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญเสียทางการเงินครั้งใหญ่
7. ติดตามเทรดเดอร์รายอื่นแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
การพัฒนาฝีมือของคุณอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญหากคุณต้องการเชี่ยวชาญทักษะใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการซื้อขายในตลาดการเงิน เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้คือการติดตามนักวิเคราะห์ทางเทคนิคและเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์
อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการเป็นเทรดเดอร์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง คุณต้องค้นหาจุดแข็งของตัวเองและสร้างต่อยอดด้วย เราสามารถเรียกสิ่งนี้ว่าความได้เปรียบของคุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างจากคนอื่นๆ ในฐานะเทรดเดอร์
หากคุณอ่านบทสัมภาษณ์มากมายกับเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ คุณจะสังเกตเห็นว่าพวกเขามีกลยุทธ์ที่แตกต่างกันมาก ในความเป็นจริง กลยุทธ์หนึ่งที่ใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับเทรดเดอร์รายหนึ่งอาจถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเทรดเดอร์อีกรายหนึ่ง มีหลายวิธีในการทำกำไรจากตลาด คุณเพียงแค่ต้องค้นหาว่าอันไหนที่เหมาะกับบุคลิกและสไตล์การซื้อขายของคุณที่สุด และนั่นมันจะกลายเป็น “ท่าไม้ตาย” ในการทำกำไรของคุณ
การเข้าสู่การซื้อขายตามการวิเคราะห์ของผู้อื่นอาจได้ผลไม่กี่ครั้ง อย่างไรก็ตาม หากคุณสุ่มสี่สุ่มห้าติดตามเทรดเดอร์รายอื่นโดยไม่เข้าใจบริบทที่ซ่อนอยู่ มันจะไม่สามารถช่วยให้คุณมีกำไรได้ในระยะยาวอย่างแน่นอน นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ควรติดตามและเรียนรู้จากผู้อื่น สิ่งสำคัญคือ คุณเห็นด้วยกับแนวคิดการเทรดของเขาหรือไม่? และเหมาะสมกับระบบการซื้อขายของคุณหรือไม่? คุณไม่ควรติดตามเทรดเดอร์รายอื่นอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า แม้ว่าพวกเขาจะมีประสบการณ์และมีชื่อเสียงก็ตาม
ส่งท้าย
เราได้ผ่านข้อผิดพลาดพื้นฐานที่สุดบางประการ ที่คุณควรหลีกเลี่ยงเมื่อใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค โปรดจำไว้ว่า การซื้อขายไม่ใช่เรื่องง่าย และโดยทั่วไปแล้วจะเป็นไปได้มากกว่าหากใช้กรอบความคิดระยะยาว
การจะซื้อขายได้ดีอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา ต้องใช้การฝึกฝนอย่างมากในการปรับปรุงกลยุทธ์การซื้อขายของคุณและเรียนรู้วิธีกำหนดแนวคิดการเทรดของคุณเอง ด้วยวิธีนี้ คุณจะพบจุดแข็ง ระบุจุดอ่อน และควบคุมการลงทุนและการตัดสินใจซื้อขายของคุณได้
หากคุณต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์กราฟ โปรดอ่าน วิธีอ่าน แพทเทิร์นแท่งเทียน Crypto ยอดนิยม
ที่มา LINK
