ตลาดหมี คืออะไร?

คำนำ

ตลาดการเงินเคลื่อนไหวตามแนวโน้ม (trend) สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างแนวโน้มเหล่านี้เพื่อให้สามารถตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น แนวโน้มของตลาดที่แตกต่างกันอาจนำไปสู่สภาวะตลาดที่แตกต่างกันอย่างมาก หากคุณไม่รู้ว่าเทรนด์พื้นฐานคืออะไร แล้วคุณจะปรับตัวให้เข้ากับสภาวะที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างไร?

แนวโน้มของตลาด คือทิศทางโดยรวมที่ตลาดกำลังดำเนินไป ในภาวะตลาดหมี ราคามักจะลดลงและลดลง ตลาดหมีอาจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายในการซื้อขายหรือลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่

นักเทรดคริปโต และนักวิเคราะห์ทางเทคนิคส่วนใหญ่ยอมรับว่า Bitcoin ในภาพใหญ่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นมาตลอดนับตั้งแต่ Bitcoin ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ถึงกระนั้นก็ตาม ระหว่างทางที่ราคาไต่ขึ้นไป ก็มีภาวะตลาดหมี ของคริปโตเคอเรนซี เกิดขึ้นหลายจุด และช่วงเวลานั้นราคาของ Bitcoin ก็มักจะลดลงมากกว่า 80% ในขณะที่ราคาของ altcoins สามารถลดลงมากกว่า 90% ได้อย่างง่ายดาย เราจะสามารถทำอะไรได้บ้างในช่วงเวลาเหล่านี้?

ในบทความนี้ เราจะพูดถึงว่า ตลาดหมีคืออะไร? คุณควรเตรียมตัวอย่างไร? และคุณจะทำกำไรได้อย่างไร?

ตลาดหมี คืออะไร?

ตลาดหมี สามารถอธิบายได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ราคาของเหรียญในตลาดคริปโตพากันลดลง ตลาดหมีอาจมีความเสี่ยงสูงและซื้อขายได้ยากสำหรับเทรดเดอร์ที่ไม่มีประสบการณ์ พวกเขาสามารถพาตัวเองไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่ และเกิดความหวาดกลัวที่จะกลับเข้าสู่ตลาดคริปโตอีกครั้ง

ในหมู่เทรดเดอร์จะมีคำพูดที่ว่า “ขึ้นบันได ลงลิฟต์” ซึ่งหมายความว่า ช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นมักจะเคลื่อนไหวช้า ค่อยๆไต่ขึ้นแบบขั้นบันได ในขณะที่ช่วงเวลาที่ราคาปรับตัวลงกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

เมื่อราคาเริ่มร่วงลง เทรดเดอร์จำนวนมากก็จะรีบออกจากตลาด เพื่อรักษาเงินสดหรือล็อคผลกำไรจากสถานะซื้อ ทำให้เกิดเป็นโดมิโนเอฟเฟ็กต์ได้อย่างรวดเร็ว เพราะนักเทรดก็จะพากันแห่ขาย ยิ่งไปกว่านั้น หากตลาดมีเลเวอเรจสูง ก็จะเกิดการล้างพอร์ตเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการขายออกอย่างรุนแรง

ในทางกลับกัน ตลาดกระทิง ก็จะเป็นช่วงเวลาของความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ เพราะในช่วงเวลานี้ ราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก และสินทรัพย์ส่วนใหญ่ก็มีราคาเพิ่มขึ้นตามกันไป

โดยทั่วไปแล้ว นักลงทุนจะใช้คำว่า “ขาลง” กับตลาดหมี หมายความว่า พวกเขาคาดหวังว่าราคาจะลดลง นอกจากนี้ยังหมายความว่า ความเชื่อมั่นของตลาดโดยทั่วไปค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม นี่อาจไม่ได้หมายความว่า นักลงทุนจะพากันออกจากตลาดทั้งหมด แต่มันหมายความว่าพวกเขาประเมินว่าราคาจะลดลง และอาจมองหาตำแหน่งลงทุนที่เหมาะสมหากมีโอกาสเกิดขึ้น

ตัวอย่างตลาดหมี

ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว นักลงทุนจำนวนมากคิดว่า Bitcoin อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นตั้งแต่เริ่มซื้อขาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มี ตลาดหมี แทรกอยู่ในภาวะกระทิง โดยหลังจากที่ Bitcoin ขยับไปที่ประมาณ 20,000 ดอลลาร์ ในเดือน ธันวาคม 2017 มันก็มีตลาดหมีที่ค่อนข้างโหดร้ายตามมา

ตลาดหมี คืออะไร1

                    ราคา Bitcoin ร่วงหลังจากตลาดกระทิง ในปี 2017

ก่อนตลาดหมีในปี 2018 ราคา Bitcoin ได้ลดลงถึง 86% ในปี 2014

ตลาดหมี คืออะไร2

                    ราคา Bitcoin ร่วงลง 86% จากจุดสูงสุดในปี 2013

ในเดือน กรกฎาคม 2020 ช่วงของตลาดหมีก่อนหน้านี้ที่ราคาต่ำประมาณ 3,000 ดอลลาร์ จุดนี้ได้รับการทดสอบอีกครั้ง แต่ก็เป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง หากที่ระดับแนวรับนี้ไม่สามารถรับอยู่ และราคาหลุดร่วงลงมา ก็อาจมีข้อโต้แย้งที่หนักแน่นว่าตลาดหมีของ Bitcoin ยังคงดำเนินต่อไปจากนี้อีกหลายปี

ตลาดหมี คืออะไร3

              Bitcoin กำลังทดสอบช่วงของตลาดหมีก่อนหน้านี้ที่ระดับต่ำ

เนื่องจากระดับนั้นยังไม่ถูกทำลาย จึงประเมินได้ว่าความผิดพลาดหลังจากความกลัวภาวะ COVID-19 เป็นเพียงการทดสอบซ้ำของช่วง ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีความแน่นอนเมื่อพูดถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิค มีเพียงความน่าจะเป็นเท่านั้น

ตัวอย่างตลาดหมีที่โดดเด่นอื่น ๆ มาจากตลาดหุ้น ในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ วิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 หรือการพังทลายของตลาดหุ้นในปี 2020 เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ล้วนเป็นตัวอย่างที่น่าจดจำ เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อ Wall Street และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นทั่วทั้งกระดาน ดัชนีตลาด เช่น Nasdaq 100, Dow Jones Industrial Average (DJIA) หรือดัชนี S&P 500 ต้องประสบกับราคาที่ลดลงอย่างมาก ในช่วงเวลาเช่นนี้

ตลาดหมี กับ ตลาดกระทิง – อะไรคือความแตกต่าง?

ความแตกต่างนั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา ในตลาดกระทิง ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ตลาดหมี ราคาจะปรับตัวลดต่ำลง

ความแตกต่างที่น่าสังเกตประการหนึ่งคือ ตลาดหมีอาจมีการสะสมฐานเป็นระยะเวลานาน เช่น การเคลื่อนไหวของราคาไปด้านข้าง หรือที่เรียกว่า ไซด์เวย์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนค่อนข้างต่ำ และมีกิจกรรมการซื้อขายเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย แม้ว่าสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นด้วยในตลาดกระทิง แต่พฤติกรรมของราคาแบบไซด์เวย์นี้ มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นมากกว่าและนานกว่า ในภาวะตลาดหมี ท้ายที่สุด ราคาที่ลดลงเป็นระยะเวลานานนั้น ก็จะไม่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่

สิ่งอื่นที่ต้องพิจารณาคือ นักเทรดเริ่มเทขายเหรียญที่ถือครองไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งหากพวกเขาไม่มีความสามารถในการเทรดแบบมาร์จิ้น หรือ derivatives นักเทรดก็จะแสดงมุมมองเชิงลบต่อตลาดได้ โดยการขายเหรียญออกแล้วถือเป็นเงินสด หรือเหรียญ Stablecoin ไว้แทน สิ่งนี้สามารถนำไปสู่แนวโน้มขาลงที่ยาวขึ้น ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของราคาเป็นแบบไซด์เวย์ไปอย่างเชื่องช้าและไม่มีเหตุการณ์ใดๆ

วิธีการซื้อขายในตลาดหมี

หนึ่งในกลยุทธ์ที่ง่ายที่สุด ที่เทรดเดอร์สามารถใช้ในตลาดหมี คือการถือครองเงินสด (หรือ Stablecoins) ไว้ หากคุณไม่สบายใจกับราคาที่ลดลง อาจเป็นการดีกว่าถ้าคุณรอจนกว่าตลาดจะออกจากเขตภาวะตลาดหมี หากประเมินได้ว่าตลาดกระทิงรอบใหม่อาจเกิดขึ้นในอนาคต คุณจึงค่อยกลับเข้ามาในตลาดอีกครั้งเพื่อช้อนซื้อเหรียญราคาถูกในช่วงปลายของตลาดหมี ในขณะเดียวกัน หากคุณคิดที่จะถือครองเหรียญในระยะยาว โดยมีระยะเวลาการลงทุนหลายปีหรือหลาย 10 ปี คุณก็ไม่จำเป็นต้องมองว่า ตลาดหมีนั้นถือเป็นสัญญาณขาย

เมื่อพูดถึงการซื้อขายและการลงทุน โดยทั่วไปแล้วควรซื้อขายตามทิศทางของแนวโน้มตลาด ซึ่งกลยุทธ์ที่ให้ผลกำไรในตลาดหมีอีกอย่างหนึ่ง ก็คือการเปิดสถานะ short ซึ่งเทรดเดอร์สามารถทำกำไรจากราคาเหรียญที่ลดลงได้ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นการเทรดแบบ เดย์เทรด (day trades), การเทรดแบบ สวิง (swing trades) และเทรดแบบเปิดสถานะ (position trades) จุดประสงค์หลักคือเพื่อเทรดตามทิศทางของเทรนด์ จากที่กล่าวมา เทรดเดอร์ที่ขัดแย้งกันจำนวนมากจะมองหาการเทรดแบบ “สวนทางกับเทรนด์” ซึ่งหมายถึง การเทรดที่สวนทางกับทิศทางของเทรนด์หลัก (เทรดแบบสวนตลาด) เรามาดูกันว่าพวกเขาเทรดกันอย่างไร

ในช่วงของตลาดหมี นักเทรดอาจจะเปิดสถานะ long ในกรณีที่คาดว่าตลาดจะตีกลับ (bounce) การเคลื่อนไหวนี้บางครั้งเรียกว่า “ตลาดหมี rally” หรือ “dead cat bounce” ที่นักเทรดชาวไทยเรียกว่า “ศพกระตุก” การเคลื่อนไหวของราคาที่สวนทางกับเทรนด์ขาลงนี้ สามารถทำให้เกิดความผันผวนได้ เนื่องจากนักเทรดจำนวนมาก อาจฉวยโอกาสเปิดสถานะ Long ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อตลาดหมี rally จบลง ภาวะตลาดขาลงจะกลับมาทำงานต่อทันที หลังจากการตีกลับ

นี่คือเหตุผลที่นักเทรดที่ประสบความสำเร็จ จะทำกำไร โดยปิดสถานะ long ที่ระดับราคาสูงสุดก่อนหน้า ก่อนที่แนวโน้มขาลงจะกลับมาทำงานต่อ มิฉะนั้น พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานเพราะติดอยู่ในสถานะ long ในขณะที่ตลาดหมียังคงดำเนินต่อไป ด้วยเหตุนี้ สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่า การเทรดสวนตลาดเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง แม้แต่นักเทรดเดอร์รุ่นเก๋า ก็สามารถสูญเสียเงินจำนวนมากได้ หากยื่นมือไปรับมีด

บทสรุป

เราได้พูดคุยกันว่าตลาดหมีคืออะไร นักเทรดจะปกป้องตนเองและทำกำไรจากตลาดหมีได้อย่างไร โดยสรุปแล้ว กลยุทธ์ที่ตรงไปตรงมาที่สุดในตลาดหมีคือ รักษาเงินสดไว้ และรอโอกาสที่ปลอดภัยกว่าในการซื้อขาย อีกทางหนึ่ง เทรดเดอร์จำนวนมากจะมองหาโอกาสในการเปิดสถานะ short ดังนั้นคุณจึงควรติดตามทิศทางของแนวโน้มตลาด เมื่อมีความต้องการที่จะซื้อขาย

ที่มา LINK

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *