Crypto city เมืองคริปโต คืออะไร?

Crypto city เมืองคริปโต คืออะไร?

ก่อนหน้าที่โลกของเราจะรู้จักกับ Blockchain และ Cryptocurrency ก็ได้มีแนวคิด เกี่ยวกับเรื่องเมืองอัจฉริยะ (The smart city) ที่มีปรากฎขึ้นในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา แนวคิดนี้เกี่ยวข้องกับ การแปลงข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานของเมือง ไปเป็นดิจิทัลผ่าน เทคโนโลยีการตรวจจับ (เช่น Internet of Things : IoT) และการใช้กระแสข้อมูล ที่กระจายเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย เพื่อจัดเตรียมการวางผังเมือง สิ่งอำนวยความสะดวก การบริการ และการปรับตัว 

เมืองอัจฉริยะ สามารถเป็นเมืองที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมืองที่มีการขนส่งที่ดีขึ้น บริการสาธารณะที่ดีขึ้น และเมืองที่มีมาตรการที่ดีขึ้นในปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในเมือง นี่จึงเป็นเหตุผล ที่เมืองอัจฉริยะ พยายามลงทุนในการฝังเทคโนโลยีการตรวจจับดิจิทัล และการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์เข้าไปในเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ

และเมื่อโลกได้รู้จักกับเทคโนโลยีบล็อคเชน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ด้วยคุณสมบัติของบล็อกเชน ที่สามารถกระจายอำนาจ ในเมืองอัจฉริยะได้ มีความโปร่งใส (ความรับผิดชอบ) ความปลอดภัย (การเปลี่ยนแปลงไม่ได้) และสามารถลดต้นทุนในการทำธุรกรรมเมือง เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดระเบียบ เจรจา เฝ้าติดตาม และบังคับใช้การแลกเปลี่ยน ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า เมืองอัจฉริยะ ก็คือ เมืองบล็อกเชน และเมืองบล็อกเชน ก็คือ เมืองคริปโต (Crypto city) นั่นเอง

Crypto city เมืองคริปโต ก็คือเมืองอัจฉริยะที่มีการกระจายอำนาจ เช่นเดียวกับเทคโนโลยีบล็อคเชนที่ขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ โดยการตัดคนกลางออกไป ดังนั้น crypto city ก็ทำเช่นเดียวกัน คือไม่จำเป็นต้องมีคนกลาง เช่น เจ้าหน้าที่ของเมือง และเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนกลางระหว่างประชาชนเพื่อให้บริการ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆของเมือง โดยฟังก์ชั่นการตัดสินใจ และการประสานงานใน crypto city จะถูกฝังอยู่ในซอฟต์แวร์ และรันด้วยสัญญาอัจฉริยะบนบล็อกเชน ซึ่งพลเมืองสามารถจัดการสิ่งต่างๆได้ ผ่านเทคโนโลยี หรือผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ โดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่คนกลาง

เทคโนโลยีบล็อคเชน ช่วยให้งานบริการของรัฐ ที่ปกติเกี่ยวข้องกับรัฐชาติ ถูกลดขนาดลงมาจนถึงระดับของเมืองได้ เช่น การระบุตัวตน (หนังสือเดินทาง ใบอนุญาต) การรับรองทะเบียนชื่อ ระบบกฎหมาย เงิน (หรือโทเคน) ประกันสังคม และภาษี

Crypto city อาจสร้างระบบนิเวศทางการเงิน และการเงินที่ซับซ้อน และเป็นนวัตกรรมใหม่ ผ่านการใช้โทเคน ประการแรก แทนที่จะให้เมืองออกพันธบัตร (หนี้) เพื่อเป็นเงินทุนแก่โครงสร้างพื้นฐานของเมือง พวกเขาสามารถออกเป็นโทเคน เพื่อใช้เป็นการชำระเงิน สำหรับบริการที่นำเสนอได้ นี่เป็นทางเลือกใหม่ให้กับรูปแบบการเป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานของชุมชน และรูปแบบการจัดหาเงินทุน

Crypto city สามารถทำงานได้เหมือนรัฐชาติที่มีอิสระในตัวเอง และกึ่งอิสระ โดยการอำนวยความสะดวก ในการพัฒนาแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถพัฒนา และส่งมอบบริการที่หลากหลาย และซับซ้อนได้ นอกจากนี้ Crypto city สามารถทำหน้าที่ จำกัดพฤติกรรมที่เลวร้าย หรือทุจริตโดยเจ้าหน้าที่ของเมือง และรัฐบาลได้ เพราะมันทำให้เมืองต่างๆ แข่งขันกันโดยตรงมากขึ้น และทำให้เงื่อนไขของการแข่งขันนั้นโปร่งใสมากขึ้น พฤติกรรมที่ไม่ดี จะถูกลงโทษทันทีโดยพลเมือง 

ในด้านที่เกี่ยวข้องกับระบอบประชาธิปไตย เช่น กระบวนการเลือกตั้ง สามารถปรับปรุงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยใช้กลไกการลงคะแนนแบบบล็อคเชน ซึ่งเชื่อมต่อกับกลไกการระบุตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์หรือดิจิทัล ทำให้ประชาธิปไตยในเมือง มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังช่วยให้สามารถใช้ข้อมูลท้องถิ่นได้ดีขึ้น ผ่านกระบวนการที่อ้างอิงจากประชามติมากขึ้นอีกด้วย

เทคโนโลยีบล็อคเชน ยังมอบโอกาสอื่นๆ สำหรับการประสานงานแบบ P2P โดยพลเมืองสามารถ ‘จ่าย’ สำหรับบริการต่างๆ เช่น การทำสวน การดูแลเด็ก การดูแลผู้สูงอายุ และอื่นๆ สามารถส่งมอบผ่านแพลตฟอร์มคริปโตได้ เช่นเดียวกับการที่พลเมือง สามารถแบ่งปันบริการด้านเศรษฐกิจ สำหรับทรัพย์สินที่ตัวเองมี เช่น แชร์เครื่องมือต่างๆ แชร์บ้าน แชร์รถ แชร์ที่จอดรถ และอื่นๆ หรือแม้แต่ บริการสื่อ ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ

กล่าวโดยสรุป Crypto city คือการปกครองเมืองรูปแบบใหม่ ด้วยการย้ายข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานของเมือง ไปไว้บนบล็อคเชน ทำให้สามารถจัดการกับทรัพยากรที่มีในเมืองนั้นได้ อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีระบบการปกครองที่โปร่งใส พลเมืองมีความคล่องตัวในระบบเศรษฐกิจ และในการใช้ชีวิต เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นั่นเอง

อ้างอิง LINK

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *