Cryptocurrency ในความหมายที่หลายหลาก

เมื่อผู้คนได้ยินคำว่า “cryptocurrency” ในแว๊บแรก พวกเขามักจะนึกถึงเหรียญคริปโต ที่บ่งบอกถึงการจัดเก็บมูลค่า หรือเรื่องราวของการเก็งกำไร เพื่อสร้างความมั่งคั่ง อันเนื่องมาจากความนิยมในตัว Bitcoin ซึ่งความเข้าใจผิดนี้ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ในขณะที่โทเค็นคริปโตทั้งหมด มีที่มาที่ไป คล้าย ๆ กัน แต่ก็มีความแตกต่างที่ชัดเจน ระหว่างประเภทต่าง ๆ ในบทความนี้ เราจะแบ่งปันข้อมูลเบื้องต้นสั้น ๆ เกี่ยวกับคุณลักษณะของสกุลเงินดิจิทัล หลัก ๆ 3 รูปแบบ

ประเภทที่ 1: โทเค็นสกุลเงิน

cryptocurrency ประเภทแรกนี้ คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกถึงเป็นสิ่งแรก และสำคัญที่สุด คือ เป็นตัวจัดเก็บมูลค่า (store of value) หรือเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เช่น Bitcoin เราเรียกอีกอย่างว่าเป็นโทเค็นธุรกรรม

พวกโทเค็นสกุลเงินจะมีค่าได้ ก็เพราะกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องในการใช้เพื่อแลกเปลี่ยน บอกว่าเป็นโทเค็นที่มีค่า “เช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป (USD, EUR เป็นต้น) Bitcoin เองก็มีมูลค่าโดยธรรมชาติที่จำกัด ในฐานะเป็นสินค้า หรือ input และนอกจากนี้มันจะมีมูลค่า ก็เพราะคนอื่นให้คุณค่ากับมัน” Phil Glazer จาก Hackernoon กล่าว

Bitcoin ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2009 เพื่อสร้างกับดักโง่ ๆ ให้ดีขึ้น – เพื่อพัฒนาสกุลเงินที่ดีขึ้น ซึ่งจะตอบข้อจำกัดบางประการของสกุลเงิน fiat แบบดั้งเดิม “อันที่จริง สกุลเงินดิจิทัลบางรูปแบบ น่าจะเข้ามาแทนที่สกุลเงิน fiat ทั้งหมดในสักวันหนึ่ง” David Goodboy เขียนสำหรับ Nasdaq

แต่เหรียญดิจิทัลก็มีข้อจำกัด ข้อเสียอย่างหนึ่งของ Bitcoin คือ ขนาดบล็อกเพียงหนึ่งเมกะไบต์ และความสามารถในการรับส่งข้อมูลของเครือข่ายที่จำกัด

ปัญหาอีกประการหนึ่งของ Bitcoin คือ ขาดความเป็นส่วนตัว “ในขณะที่ที่อยู่กระเป๋าเงิน Bitcoin ไม่มีการระบุตัวตนของเจ้าของกระเป๋า เพราะกระเป๋าเงินจะไม่มีการเชื่อมโยงกับบุคคลในฐานข้อมูล แต่การถือครองและธุรกรรมของกระเป๋าเงินใบนั้น ไม่ว่าใครก็สามารถเปิดดูข้อมูลได้แบบสาธารณะ บนบัญชีแยกประเภท” Glazer อธิบาย

เพื่อแก้ไขปัญหาในข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้ สกุลเงินดิจิทัลที่เกิดขึ้นตามหลัง Bitcoin มา อย่างเช่น Litecoin และ Dash จึงได้ถูกสร้างขึ้น เพื่อจัดการกับความท้าทายของสกุลเงินดั้งเดิม

ประเภทที่ 2: โทเค็นยูทิลิตี้

โทเค็นยูทิลิตี้ เรียกอีกอย่างว่า เหรียญแอป (app coins) หรือโทเค็นผู้ใช้ (user tokens) ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ หรือบริการในอนาคตได้ ในภาพรวมของบล็อกเชนในปัจจุบัน การเริ่มต้นระดมทุนผ่านการเสนอขายเหรียญเริ่มต้น หรือ ICO มักเป็นที่นิยมโดยการออกโทเค็น ที่ผู้ลงทุนในโทเค็นนั้น จะสามารถใช้ในการเข้าถึงบริการนั้น ๆ ได้ในอนาคต ผู้ถือโทเค็น อาจจะได้รับส่วนลดสำหรับราคาขายปลีกหรือราคาสุดท้ายของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป

โทเค็นยูทิลิตี้ อย่าง Ripple ได้รับการออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะในการใช้งาน ตัวอย่างเช่น Ripple ได้รับการออกแบบมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการโอนเงิน fiat ได้อย่างราบรื่น และถูกใช้โดยธนาคารและสถาบันการเงิน เช่น RBC, American Express, SEB, BMO และอื่นๆ

แม้ว่าโทเค็นยูทิลิตี้ บางตัว ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการลงทุน แต่ “หลายคนมีส่วนร่วมใน ICO โทเค็นยูทิลิตี้ ด้วยความหวังว่า มูลค่าของโทเค็นจะเพิ่มขึ้น ตามความต้องการผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ที่เพิ่มขึ้น ของบริษัทผู้ออกโทเค็น” Josiah Wilmoth เขียนใน Strategic Coin.

ประเภทที่ 3: โทเค็นแอป/แพลตฟอร์ม

แพลตฟอร์ม cryptocurrencies เป็นเทคโนโลยี blockchain เต็มรูปแบบ ที่มีโปรโตคอลและชุดกฎของตนเอง ซึ่งเป็นบล็อกเชนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันต่าง ๆ ในอนาคต หรือแอปพลิเคชันแบบกระจาย (dApps) ที่จะสร้างขึ้น “พวกมันถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดพ่อค้าคนกลาง สร้างตลาด และแม้แต่การสร้าง cryptocurrencies อื่นๆ” Goodboy เขียน

Ethereum เป็นตัวอย่างของบล็อกเชนโครงสร้างพื้นฐาน (แพลตฟอร์ม) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมี Ether (ETH) เป็นโทเค็นดิจิทัล ประจำบล็อกเชน Ethereum ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ ที่ใช้ในการรันสัญญาอัจฉริยะ (smart contracts) ได้ และยังเป็นหน่วยการสร้างของ cryptocurrencies ใหม่ ในหมวดหมู่อื่น ๆ ได้อีกด้วย

โทเค็นแอป เป็นโทเค็นดิจิทัล สำหรับแอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม ตัวอย่างเช่น Augur เป็นแอปพลิเคชัน การคาดการณ์ตลาด แบบกระจายอำนาจ ที่สร้างอยู่บนบล็อกเชน Ethereum, Augur ออก “โทเค็น reputation” ของตัวเองหรือที่เรียกว่า REP หากคุณเป็นเจ้าของ REP และคุณคาดการณ์ผลลัพธ์ในตลาด Augur อย่างแม่นยำ คุณมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมการตลาดที่สร้างโดย Augur

โทเค็นแอป อาจแสดงถึงการสมัครสมาชิกแบบดิจิทัลหรือการเป็นสมาชิกที่ผู้ถือสามารถซื้อขาย เพื่อผลประโยชน์บนแพลตฟอร์ม หรือขายหุ้นแบบดิจิทัลเพื่อแลกกับส่วนแบ่งกำไรในอนาคต เช่นเดียวกับ REP

ทำความเข้าใจในความแตกต่าง…

การรู้ว่าชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ประกอบเข้าด้วยกันได้อย่างไรจะช่วยให้คุณมีพื้นฐานที่ดีขึ้น ในการตัดสินใจเกี่ยวกับตลาดคริปโตในอนาคต และจะทำให้คุณโลดแล่นในตลาดคริปโต ได้อย่างสนุกสนานมากขึ้นเช่นกัน

ที่มา LINK

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *