Fantom (FTM) ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดยมีการเปิดตัว OPERA ซึ่งเป็นเครือข่ายหลักของ Fantom ในเดือนธันวาคม 2019 โครงการนี้ก่อตั้งโดย Dr. Ahn Byung Ik นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวเกาหลีใต้ ปัจจุบันมี นาย Michael Kong เป็น CEO
Fantom เป็นเครือข่ายบล็อกเชน Layer-1 ที่ใช้สัญญาอัจฉริยะ(smart contract) แบบ directed acyclic graph (DAG) ซึ่งความแตกต่างของ Fantom ก็คือการใช้กลไกฉันทามติที่สร้างขึ้นใหม่เป็นแบบเฉพาะของตนเอง โดยเน้นไปที่การอำนวยความสะดวกแก่นักพัฒนาในการสร้างแพลตฟอร์ม DeFi (แพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายศูนย์)
เครือข่าย Fantom มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องความเร็วในการทำธุรกรรม ซึ่งนักพัฒนากล่าวว่าใช้เวลาเพียงไม่ถึง 2วินาที
Fantom ใช้ระบบฉันทามติ(ระบบตรวจสอบและยืนยันธุรกรรม) ในชื่อ Lachesis ที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลายเพื่อให้บริการและรักษาความปลอดภัยเครือข่าย โดยกลไก Lachesis นี้รับประกันความจุที่สูงขึ้นมากและทำธุรกรรมเสร็จภายใน 2วินาที ซึ่งกลไก Lachesis จะทำงานควบคู่ไปกับ Proof-of-stake (PoS) แบบดั้งเดิม
โครงการนี้สามารถดึงดูดนักพัฒนาที่ต้องการสร้างแพลตฟอร์ม DeFi ด้วยความสามารถที่เข้ากันได้กับ Ethereum อันที่จริงภารกิจของ Fantom ก็คือ “สามารถเข้ากันได้ระหว่างหน่วยงานธุรกรรมทั้งหมดทั่วโลก”
ความเข้ากันได้ของ Fantom กับ Ethereum หมายความว่าผู้ใช้สามารถซื้อเหรียญ FTM ที่ถูกสร้างโดยมาตรฐาน ERC-20 ซึ่งจะถูกแปลงเป็น FTM ดั้งเดิมโดยอัตโนมัติได้ทันทีเมื่อได้รับไปยังกระเป๋าเงินของพวกเขา และFTM เวอร์ชันอื่นก็มีอยู่ใน Binance Chain โดยใช้มาตรฐาน BEP2 จะมีเฉพาะเหรียญ FTM ดั้งเดิมเท่านั้นที่สามารถใช้ได้บนเครือข่ายหลักของ Fantom (เครือข่าย OPERA) เอง
เหรียญ FTM เป็นสกุลเงินดิจิทัลประจำเครือข่าย Fantom ซึ่งใช้เป็นแกนหลักในการทำธุรกรรม ใช้จ่ายเป็นค่าธรรมเนียมบนเครือข่าย, ใช้ในการ Staking และใช้จ่ายเป็นเงินรางวัลให้กับผู้ที่ทำการ staked โดยมีอุปทานทั้งหมดของ FTM อยู่ที่ 3.175 พันล้านFTM ซึ่ง 2,134,638,448 FTM กำลังหมุนเวียนอยู่ ส่วนที่เหลือจะออกตามกำหนดการจนถึงปี 2023
FTM ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ในอันดับที่ 67 จากสกุลเงินคริปโต 21,011 สกุล
อ้างอิง Coinmarketcap, Fantomfoundation
