ทำความรู้จัก EIP-1559 ข้อเสนอบนบล็อกเชน Ethereum ที่ทำให้ ETH ถูกเผาออกจากระบบ

EIP-1559 เป็นหนึ่งในรายการอัพเกรด ของ Ethereum London Hard Fork ที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว ก่อน The Merge
โดย Ethereum London Hard Fork เป็นการอัพเกรดเครือข่ายที่ครอบคลุมข้อเสนอการปรับปรุง Ethereum (EIP) 5 รายการ นอกจากจะประกอบด้วย EIP-1559 แล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ อีก 4 ประการด้วย ได้แก่ EIP-3198, EIP-3529, EIP-3541 และ EIP-3554
การเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นมากที่สุด ก็คือ EIP-1559 ซึ่งมี 2 องค์ประกอบด้วยกัน โดยขั้นแรก ข้อเสนอนี้ จะช่วยแก้ปัญหาการจ่ายธุรกรรมที่มากเกินจริง จากระบบการประมูลสด ด้วยการเพิ่มค่าธรรมเนียมพื้นฐานให้กับทุกธุรกรรมบนบล็อกเชน Ethereum
ดังนั้นมันจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถประมาณการค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย ได้ดีขึ้น และจะมีผลในการลดต้นทุนการทำธุรกรรมโดยรวม ซึ่งอาจจะช่วยให้ค่าธรรมเนียมลดลงได้ 20% ไม่ใช่การลดลง 20 เท่า
ด้านที่สองของ EIP-1559 คือค่าธรรมเนียมที่ผู้ใช้งานจ่ายมา จะถูกนำไปเผาออกจากระบบ ซึ่งการนำเหรียญออกจากการหมุนเวียนนี้ จะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “แรงกดดันจากภาวะเงินฝืดในเครือข่าย” เนื่องจากอุปทานมีจำกัดมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมี EIP-3198 ซึ่งจะช่วยให้ธุรกรรมที่ใช้สัญญาอัจฉริยะ(Smart contract) ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่มากเกินไป ตัวอย่างเช่น การใช้งานแพลตฟอร์ม DeFi ต่างๆ
EIP-3529 จะเข้ามาแก้ปัญหาจากเหตุการณ์ดังนี้ คือโดยปกติแล้วผู้ใช้งานสามารถรับเงินที่จ่ายค่าธุรกรรมคืนได้ เมื่อทำการลบข้อมูลขยะในเครือข่าย สัญญาอัจฉริยะและข้อมูลที่เกี่ยวข้องอาจทำให้เครือข่ายอุดตันได้ ซึ่งการคืนค่าธรรมเนียมนั้นในทางปฏิบัติก็ฟังดูดี
แต่ในความเป็นจริง การคืนเงินส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นแบบนี้ พวกเขากลับใช้ ในเวลาที่เห็นว่าค่าธรรมเนียมในเครือข่ายต่ำ พวกเขาก็จะทำการใส่ข้อมูลขยะเข้าไปในเครือข่ายเพื่อให้ค่าธรรมเนียมสูงขึ้นมา จากนั้นพวกเขาจะทำการลบข้อมูลขยะทั้งหมดแล้วก็รับเงินคืน ดังนั้นการแก้ปัญหานี้ด้วย EIP-3529 กับข้อเสนอ “ลบ และคืนเงิน สำหรับ opcode บางตัว” จะทำให้เครือข่ายมีเสถียรภาพมากขึ้น
EIP-3541 ตรงนี้ไม่ได้มีอะไรมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการกำหนดตารางสำหรับการอัพเดตในอนาคต โดยสงวนพื้นที่บางส่วนภายในเครือข่ายเพื่อสร้างสัญญาอัจฉริยะประเภทใหม่ ซึ่งเหมือนกับเป็นเคล็ดลับที่ดีในการเพิ่มฟังก์ชันการทำงานใหม่ให้กับ [Ethereum Virtual Machine] โดยไม่ทำลายสิ่งใด
EIP-3554 จะทำการคลี่คลาย สิ่งที่เรียกว่า “Difficulty Bomb” (ตัวเพิ่มความยากให้กับนักขุดที่แข่งขันกันเพื่อแก้ปัญหาการเข้ารหัสและรับรางวัลเป็นเหรียญ ETH ผลคือเครือข่ายทำงานช้าลง) EIP-3554 จะทำให้ Difficulty Bomb ถูกยืดเวลาไป เพื่อให้เวลาอีกเล็กน้อยสำหรับนักพัฒนา ในการเปลี่ยนไปเป็น Ethereum 2.0 และเพื่อให้เวลานักขุดในการทำการเปลี่ยนจาก Proof of Work (PoW) ไปเป็น Proof of Stake (PoS) หรือ Ethereum 2.0
การเปลี่ยนระบบฉันทามติจาก PoW เป็น PoS เป็นส่วนที่สำคัญที่ต้องเปลี่ยนแปลง ซึ่งหลังจากการอัพเกรด The Merge ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ปัจจุบันบล็อกเชน Ethereum ก็ได้ใช้ระบบฉันทามติ PoS โดยสมบูรณ์
การปรับปรุงโครงสร้างของบล็อกเชน Ethereum ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ในโร้ดแมพยังมีขั้นตอนการอัพเกรดอีกมากมาย ซึ่งกินเวลาอีกประมาณ 6 ปี ถัดจากนี้ เป้าหมายก็เพื่อให้บล็อกเชนของ Ethereum มีความสามารถในการปรับขนาดได้มากขึ้น ปลอดภัย และยั่งยืน เพื่อพร้อมเข้าสู่กระแสหลักและให้บริการแก่มนุษยชาติได้ทั้งหมด
ที่มา LINK