
Web3 หมายถึงอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ที่อาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชน มีการกระจายอำนาจ และให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลของตนได้ดียิ่งขึ้น นับตั้งแต่แนวคิดนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2014 การนำไปใช้ก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อันที่จริงแล้ว คาดว่าภายในปี 2026 ผู้คนประมาณ 2,000 ล้านคนทั่วโลก จะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวัน บน Web3 ในการเข้าสังคม, ทำงาน, ซื้อของ หรือไปโรงเรียน
แบรนด์, บุคคล และทีมต่าง ๆ ได้มองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ที่ไม่เพียงแต่จะมีส่วนร่วมกับแฟน ๆ ของพวกเขาในรูปแบบที่แปลกใหม่ แต่ยังสร้างรายได้จากงานฝีมือของพวกเขาในลักษณะที่เท่าเทียมกันมากขึ้นโดยไม่ต้องมีคนกลาง
ทำไม แบรนด์ ถึงเข้ามามีส่วนร่วม?
การที่ Web3 นั้นสร้างบนบล็อกเชน มันจึงได้มอบความโปร่งใส, ความน่าเชื่อถือ และความวางใจได้ให้แก่ผู้ใช้มากกว่า Web2 นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกอย่าง non-fungible token (NFT) สิ่งนี้ทำให้แบรนด์มีโอกาสที่จะเชื่อมโยงประสบการณ์ชีวิตจริงและผลิตภัณฑ์เข้ากับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ชุมชนของพวกเขาเป็นเจ้าของ
ยกตัวอย่างเช่น นาฬิการุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นของ Hublot ที่มีทั้งหมด 13 เรือน ที่มาพร้อมกับ NFT 13 รายการ ของแต่ละเรือน และเทศกาลดนตรี Metaverse ของ Decentraland ที่มีการแสดงของศิลปินชื่อดังระดับโลกอย่าง Soulja Boy และ Ozzy Osbourne ในรูปแบบอวาตาร์
Web3 ได้นำเสนอแบรนด์และตัวตน ด้วยโอกาสในการเชื่อมต่อกับแฟนๆ ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 อุตสาหกรรมที่ได้สร้างประสบการณ์และผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนโดยใช้ประโยชน์จาก Web3 และเทคโนโลยีบล็อกเชน ได้แก่ ดนตรี, แฟชั่น และกีฬา
Web3 ในวงการเพลง
อุตสาหกรรมเพลงมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อเราเปลี่ยนจากการฟังซีดีโดยใช้ Discman ไปสู่การเข้าถึงเพลงนับล้านบนอุปกรณ์พกพาของเรา Web3 ก้าวไปอีกขั้นด้วยการนำเสนอโอกาสใหม่สำหรับนักดนตรีในการเชื่อมต่อกับแฟนๆ ด้วยการปกป้องสิทธิ์ใน ‘ทรัพย์สินทางปัญญา’ (intellectual property หรือ IP) และสร้างรายได้จากผลงานของพวกเขา
กฎหมาย IP และความเป็นเจ้าของ เป็นพื้นฐานที่อุตสาหกรรมเพลงต้องดำเนินการ โดยมีสัญญาและเอกสารที่รัดกุมซึ่งกำหนดว่าใครจะได้รับส่วนแบ่งจากอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลก ที่มีมูลค่า 26 พันล้านดอลลาร์
Web3 มีอิทธิพลต่อองค์ประกอบทางกฎหมายของอุตสาหกรรมเพลง โดยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้างบันทึกความเป็นเจ้าของและค่าลิขสิทธิ์ที่ปลอดภัย, โปร่งใส และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ให้กับผู้สร้างผลงานเพลงและผู้ถือสิทธิ์ ด้วยเหตุนี้ Web3 จึงช่วยให้ศิลปินและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ได้รับประโยชน์จากการควบคุมเพลงของพวกเขา และการกระจายรายได้ที่เท่าเทียมกันมากขึ้น
ในหนึ่งแพลตฟอร์มเพลงบน Web3 จะสามารถอำนวยความสะดวกในการเผยแพร่และซื้อแทร็กเครื่องดนตรี ซึ่งนักแต่งเพลงสามารถแปลงเสียงร้องของพวกเขาเป็น NFT จากนั้นผู้ที่ซื้อ NFT เหล่านี้ไปก็จะได้รับสิทธิ์ IP ที่เกี่ยวข้องกับเพลงที่พวกเขาเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นการสร้างช่องทางใหม่สำหรับศิลปินและผู้สร้างในการผลิตเพลงแบบ open-source
สิ่งนี้ยังเปิดโอกาสให้นักดนตรีหลีกเลี่ยงตัวกลาง เช่น ค่ายเพลงหรือบริการสตรีมมิ่งที่มักได้รับส่วนแบ่งรายได้ ด้วย Web3 นักดนตรีในทุกระดับอาชีพมีโอกาสสร้างกระแสรายได้ที่ควบคุมด้วยตนเองผ่านโทเค็น NFT และการมีส่วนร่วมของแฟนเพลง
Web3 ในวงการกีฬา
เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมเพลง Web3 ยังมอบโอกาสมากมายให้ทีมกีฬา, นักกีฬา และแฟนๆ ของพวกเขาได้มีส่วนร่วมกับผู้อื่นในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งรวมถึงเกมกีฬาแฟนตาซีดิจิทัลที่ขับเคลื่อนโดยการ์ดเกมที่มีอยู่ในรูปแบบ NFT
ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม NFT ที่หนึ่งได้ผสานรวม Web3 และกีฬาเข้าด้วยกันโดยแปลงการ์ดนักกีฬา, ฟุตบอล, เบสบอล และบาสเก็ตบอลไปเป็นดิจิทัล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างทีมแฟนตาซีของตนได้ นอกจากนี้นักกีฬายังสามารถส่งผู้เล่นตัวจริงเข้าร่วมในการแข่งขันระดับโลกเพื่อแข่งขันกันเองได้ ทำให้ตัวนักกีฬาเองได้มีวิธีการใหม่ ๆ ในการติดต่อกับแฟนๆ ของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้นักกีฬาสามารถปรับแต่งแมตช์ในฝันในแบบเสมือนจริง บนแพลตฟอร์มที่ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์รายที่ใหญ่ที่สุดในโลกกีฬาได้
การเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้นและความรู้สึกของชุมชนกับแฟนๆ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น Web3 มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมกีฬาด้วยการสร้างความโปร่งใส, ความเป็นเจ้าของ และความเป็นอิสระได้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการใช้ประโยชน์จากสัญญาอัจฉริยะ (smart contracts) สำหรับการจองตั๋วการแข่งขันกีฬาและการลงนามในข้อตกลงการเป็นสปอนเซอร์บนบล็อกเชน เพื่อให้มั่นใจถึงความโปร่งใสและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
Web3 ในวงการแฟชั่น
ลักษณะที่โปร่งใสของ Web3 ช่วยให้แบรนด์แฟชั่นสามารถสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ที่ใช้มาตรการต่อต้านการปลอมแปลงได้ และโต้ตอบกับลูกค้าและชุมชนผ่านประสบการณ์ส่วนบุคคล ขณะนี้แบรนด์ต่างๆ กำลังเปิดตัวกลยุทธ์ Web3 โดยโฟกัสที่เปลี่ยนจากกำไรทางการเงินในระยะสั้นไปเป็นการปรับมูลค่าในระยะยาวสำหรับผู้ถือ NFT
Louis Vuitton, Paco Rababanne, Gucci และ Prada เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้ออกไลน์ NFT ของตัวเองแล้ว โปรเจ็กต์แฟชั่น NFT เหล่านี้บางส่วนยังออกมาพร้อมกับชิ้นงานจริงจากคอลเลกชั่นรุ่นลิมิเต็ดหรือวินเทจอีกด้วย
ในความเป็นจริง NFT ของ Gucci ในคอลเลกชั่น SUPERGUCCI นั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจนบริษัท Web3 ที่ร่วมเป็นพันธมิตรกันในการเปิดตัวคอลเลคชันดังกล่าว สามารถระดมทุนได้มากกว่า 38 ล้านดอลลาร์ และทำข้อตกลงกับแบรนด์หลักอื่นๆ ที่ต้องการเปิดตัวคอลเลกชั่นของตนเอง
แบรนด์เครื่องประดับระดับไฮเอนด์ อย่าง Tiffany and Co. ก็เป็นตัวอย่างที่สำคัญที่สามารถเชื่อมโยงโลกของ NFT กับสินค้าที่จับต้องได้ โดยได้ออกแบบจี้ที่เป็นเครื่องประดับจริง คู่กับโทเค็น NFTiff ซึ่งสามารถประดับอัญมณีในแบบที่กำหนดเองได้ ให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของ CryptoPunk ซึ่งเป็น NFT ยอดนิยมที่ได้ถือสิทธิ์ IP และช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างรายได้จากสินทรัพย์ของตนได้
นอกจากนี้ Web3 ยังกล่าวถึงหนึ่งในประเด็นที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมแฟชั่น นั่นคือความโปร่งใสของ supply chain และการตรวจสอบย้อนกลับ ด้วย Web3 ทุกขั้นตอนของซัพพลายเชนสามารถบันทึกลงในบัญชีแยกประเภทบล็อกเชนที่ป้องกันการจู่โจม ทำให้สามารถติดตามสินค้าได้อย่างปลอดภัยและกระจายอำนาจตั้งแต่แหล่งผลิตจนถึงจุดขาย ด้วยคุณสมบัติที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้นี้เอง ที่เป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการปลอมแปลง
ระดับความโปร่งใสและการตรวจสอบย้อนกลับที่สูงขึ้นนี้ สามารถช่วยป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน การละเมิดสิ่งแวดล้อม และการปฏิบัติที่ผิดจรรยาบรรณอื่นๆ ที่แพร่หลายในอุตสาหกรรมแฟชั่น อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องในซัพพลายเชนสามารถและเต็มใจที่จะป้อนข้อมูลนี้ลงในบล็อกเชนหรือไม่
ข้อจำกัดของ Web 3
แม้ว่า Web3 จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในอุตสาหกรรมดังกล่าว แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายและข้อจำกัดหลายประการ การนำเทคโนโลยี Web3 และบล็อกเชนมาใช้นั้นต้องการความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคในระดับที่เกินความสามารถของนักดนตรี, นักกีฬา, นักออกแบบแฟชั่น และแม้แต่ทีมของพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ค่าใช้จ่ายในการจ้างนักพัฒนา Web3 นั้นแพงมาก สิ่งนี้อาจเป็นกำแพงขวางกั้นที่ทำให้แบรนด์ขนาดเล็กและบุคคลที่มีงบประมาณต่ำกว่า ไม่สามารถได้รับประโยชน์จาก Web3 อย่างเต็มที่
การยอมรับ Web3 ยังคงเป็นความท้าทายเนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึง Web3 ได้ ซึ่งนำเสนอข้อกังวลหลัก 2 ประการ ประการแรก แบรนด์และบุคคลที่ต้องการเริ่มโครงการ Web3 จะต้องประเมินว่ารายได้โดยประมาณจากการนำ Web3 มาใช้ เหมาะสมกับต้นทุนที่ต้องจ่ายหรือไม่ ประการที่สอง การตรวจสอบย้อนกลับของซัพพลายเชนจะขึ้นอยู่กับว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและการผลิต สามารถและเต็มใจใช้ระบบที่ติดตามกระบวนการนี้ในเชนตั้งแต่แรกหรือไม่
ส่งท้าย
Web3 มีศักยภาพในการปฏิวัติอุตสาหกรรมแฟชั่น ,ดนตรี และกีฬาในรูปแบบทึ่มากมาย ไม่เพียงช่วยให้แฟน ๆ และชุมชนมีส่วนร่วมกับแบรนด์และบุคคลที่พวกเขาชื่นชอบได้โดยตรง แต่ยังช่วยให้ผู้บริโภคมีความโปร่งใสอย่างไม่เคยมีมาก่อนในซัพพลายเชน และบังคับใช้สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาโดยไม่เปลี่ยนแปลง
โดยรวมแล้ว ศักยภาพของ Web3 ในด้านแฟชั่น, ดนตรี และกีฬานั้นมีอยู่มากมาย และเราเพิ่งเริ่มมองเห็นสิ่งที่เป็นไปได้เท่านั้น ในขณะที่ Web3 มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เราคาดหวังได้ว่าจะได้เห็นนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้นอีกมากขึ้นตามมา ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเหล่านี้ให้ดีขึ้นได้อีก
ที่มา LINK