
Oasis Network (ROSE) ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดยรันอยู่บนเครือข่ายทดสอบ จากนั้นทำการรันอยู่บนเครือข่ายหลักในปี 2020 ผู้ก่อตั้งนามว่า Dawn Song ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งที่เป็นผู้หญิงที่หาได้ยากมากๆในวงการบล็อกเชน เธอเป็นศาสตราจารย์ในภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่ University of California ที่ Berkeley และเธอยังได้รับรางวัล Amazon Web Services Machine Learning Research Award อีกด้วย
นอกจากนี้เครือข่าย Oasis Network (ROSE) ยังมีทีมงานที่ประกอบไปด้วยผู้มีความสามารถชั้นนำจากทั่วโลกซึ่งมีพื้นเพมาจาก Apple, Google, Amazon, Goldman Sachs, UC Berkeley, Carnegie Mellon, Stanford, Harvard และอื่นๆ ทั้งหมดมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตและขยายการใช้งานเครือข่าย Oasis และเครือข่ายยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัท VC และนักลงทุนที่มีชื่อเสียงหลายราย เช่น Andreessen Horowitz, Accel, Binance Labs และอื่นๆ อีกมากมาย
Oasis เป็นเครือข่ายบล็อคเชน Layer-1 สร้างขึ้นเพื่อรองรับ smart contract (สัญญาอัจฉริยะ) ในการสร้างแพลตฟอร์มการเงินกระจายอำนาจ (DeFi) ที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับ1กับข้อมูลที่ควรเป็นความลับส่วนบุคคล (privacy-focused) ของผู้ใช้งาน เช่น หมายเลขประกันสังคม ใบแจ้งยอดธนาคาร ข้อมูลด้านสุขภาพ ฯลฯ ซึ่งนี่นับว่าเป็นจุดเด่นที่แตกต่างของเครือข่าย Oasis
โดยปกติแล้วระบบการเงินแบบกู้ยืมบน DeFi ผู้ใช้งานจะกู้ได้ก็ต้องมีการวางหลักประกัน และจำนวนเงิน(คริปโต)ที่กู้ได้นั้นก็มักจะได้ต่ำกว่าหลักประกันเสมอ เพราะบนโลก DeFi ไม่มีระบบตรวจสอบเครดิตผู้กู้เหมือนกับระบบการเงินการธนาคารแบบดั้งเดิม ที่สามารถกู้วงเงินสูงๆได้
แต่ด้วยความเป็นส่วนตัวของเครือข่าย Oasis จะมาปลดล็อกตรงนี้ และทำให้เข้าถึงจำนวนผู้ใช้งานได้มากขึ้น ด้วยการเข้ารหัสของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานก็จะสามารถสร้างระบบเครดิตได้ โดยบนเครือข่าย Oasis จะใช้โหนดที่มีเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ปลอดภัยประเภทหนึ่งที่เรียกว่า TEE (Trusted Execution Environment) ซึ่งทำหน้าที่เป็นกล่องดำสำหรับการทำสัญญาอัจฉริยะในชั้นประมวลผลที่เป็นความลับ
ข้อมูลเครดิตส่วนตัวของผู้ใช้งานที่ป้อนเข้ามาในบล็อกเชน จะถูกทำการเข้ารหัส ก่อนที่จะเข้าไปในกล่องดำพร้อมกับสัญญาอัจฉริยะ ข้อมูลจะถูกถอดรหัสและประมวลผลโดยสัญญาอัจฉริยะในกล่องดำนั้น จากนั้นผลลัพธ์จากการประมวลผลจะถูกเข้ารหัสอีกทีก่อนที่จะส่งออกจากกล่องดำ(TEE) เพื่อเอาผลนี้ไปอนุมัติปล่อยกู้ออกมา
ด้วยกระบวนการนี้จึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของผู้ใช้งานจะยังคงเป็นความลับ แม้กระทั่งผู้ที่เป็นโหนดตรวจสอบธุรกรรมหรือเจ้าของโปรเจกต์หรือผู้พัฒนา DeFi, DApp ก็จะไม่มีทางรู้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน
และเพื่อที่จะสามารถรองรับปริมาณธุรกรรมได้สูงและมีค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ต่ำ เครือข่าย Oasis ใช้ระบบฉันทามติแบบ Proof-of-stake (Pos) และออกแบบโครงสร้างบล็อกเชนให้มีความสามารถในการขยายขนาดได้ ด้วยการแยกชั้น(Layer) ระบบฉันทามติ(Consensus) กับชั้นดำเนินการ(ParaTime) ออกจากกัน
ดังนั้นจึงอนุญาตให้ ParaTimes หลายรายการประมวลผลธุรกรรมแบบขนาน เนื่องจากชั้น ParaTime มีการกระจายอำนาจทั้งหมด ทุกคนสามารถพัฒนาและสร้าง ParaTime ของตนเองได้ ซึ่งสามารถเปิดหรือปิดได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของนักพัฒนา
นอกจากนี้ Oasis ยังมีความสามารถในการ Cross-Chain มีเครื่องมือที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย Cosmos(ATOM) ได้ และกำลังพัฒนาเพื่อที่จะเชื่อมต่อกับ Ethereum(ETH) ได้
ROSE เป็นสกุลเงินดิจิทัลประจำเครือข่าย Oasis ใช้สำหรับจ่ายค่าธรรมเนียมธุรกรรมบนเครือข่าย, ใช้ ROSE วางเดิมพันสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นโหนดตรวจสอบธุรกรรม และรับ ROSE เป็นเงินรายได้จากการเป็นโหนดได้ APY สูงถึง 20%
ROSE มีจำนวนอุปทานทั้งหมด 10,000ล้าน ROSE ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ในอันดับที่ 104 ในบรรดาสกุลเงินดิจิทัล 21,078 สกุล
อ้างอิง Coinmarketcap, Oasisprotocol