Sam Bankman-Fried ร้องขอการ ระดมทุนฉุกเฉิน จำนวน 8 พันล้านดอลล่าร์

Sam Bankman-Fried ร้องขอนักลงทุนในการ ระดมทุนฉุกเฉิน จำนวน 8 พันล้านดอลล่าร์ เพื่อเป็นทุนสำรองจ่ายคืนให้กับลูกค้า

Sam Bankman-Fried หรือย่อว่า SBF ซีอีโอของ FTX ขอให้นักลงทุนช่วย ระดมทุนฉุกเฉิน เพื่อสำรองจ่ายให้กับคำขอถอนเงินจำนวน 8 พันล้านดอลลาร์ในช่วงวันที่ 9 พ.ย.

ตามรายงานใน Wall Street Journal (WSJ) ที่อ้างถึง “คนที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้” มีรายงานว่า CEO ได้ยื่นคำร้องต่อนักลงทุนในวันที่ 9 พ.ย. ซึ่งเขาได้สรุปแนวทางที่จะช่วยแก้ปัญหาทางการเงินของ FTX

แหล่งข่าวชี้ให้เห็นว่า Bankman-Fried กำลังมองหาการเพิ่มทุน 3 พันล้านดอลลาร์ถึง 4 พันล้านดอลลาร์และทาง FTX สามารถเพิ่มหนี้บางส่วน เพื่อชดเชยการขาดแคลน

มีรายงานว่า Bankman-Fried กล่าวว่าเขาจะใช้ความร่ำรวยส่วนตัวของเขาเพื่อ “ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและนักลงทุนเป็นอย่างดี” ตามแหล่งข่าวของ WSJ

เห็นได้ว่า ในระหว่างการพูดคุย ซีอีโอของ FTX ได้กล่าวโทษบางอย่าง สำหรับสถานการณ์ของ FTX เขากล่าวว่า เป็นการเผยแพร่ข่าวเพื่อต่อต้านกระดานเทรดของเขา ซึ่งทำให้นักลงทุนจำนวนมากแห่ถอนเงินสดออก เพราะกลัวว่าจะสูญเสียการลงทุน

รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ชี้ให้เห็นว่า FTX มีการถอนเงินประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 72 ชั่วโมงก่อนถึงวันที่ 8 พ.ย.

นอกจากนี้เขายังระบุด้วยว่า FTX จะไม่สามารถ “จ่ายเงินให้กับการถอนได้ เนื่องจากหลักประกันมีมูลค่าลดลงและไม่สามารถชำระบัญชีได้”

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน เว็บไซต์ FTX ได้โพสต์แบนเนอร์ใหม่ที่ระบุว่า “ขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการถอนเงินได้ เราไม่แนะนำให้ทำการฝากเงิน”

ในขณะเดียวกัน รายงานเมื่อวันที่ 9 พ.ย. จาก Bloomberg อ้างว่า Bankman-Fried บอกกับนักลงทุนว่าหากไม่มีการอัดฉีดเงินสด บริษัทจะต้องยื่นฟ้องล้มละลายโดยอ้างถึง “บุคคลที่มีความรู้โดยตรงในเรื่องนี้”

แหล่งข่าวของ Bloomberg ดูเหมือนจะยืนยันข้อเสนอแนะว่า FTX กำลังมองหาการจัดหาเงินทุนเพื่อการช่วยเหลือจากหนี้ และทุนเพื่อช่วยเหลือตัวเองจากการชำระบัญชี

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน Binance ได้ลงนาม ในหนังสือแสดงเจตจำนงที่ไม่มีผลผูกพันในการซื้อ FTX แต่ภายในระยะเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็ถอนตัวออกจากข้อตกลง โดยอ้างถึงปัญหาที่ “อยู่เหนือการควบคุม หรือความสามารถในการช่วยเหลือของเรา”

Binance ได้ทวีตข้อความว่า “จากการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะขององค์กร ตลอดจนรายงานข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการจัดการเงินของลูกค้าที่ผิดพลาด และการสอบสวนของหน่วยงานในสหรัฐอเมริกาที่ถูกกล่าวหา เราได้ตัดสินใจว่าจะไม่ดำเนินการตามศักยภาพของ FTX “