หลังจากที่โลกได้รู้จักกับบล็อกเชน(Blockchain) รุ่นที่1 คือ บิทคอยน์ (Bitcoin) โดยบล็อกเชนรุ่นแรกนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อบันทึกบัญชีการรับเข้า-โอนออกของบิทคอยน์(ธุรกรรมการเงิน)

ต่อมาในปี ค.ศ.2015 นาย Vitalik Buterin ได้พัฒนาบล็อกเชนรุ่นที่2 คือ Ethereum ที่สามารถเขียนคำสั่ง Smart Contact ได้ ทำให้บล็อกเชนเก่งขึ้น ทำอะไรๆได้มากกว่าการจัดเก็บบัญชีการเงินเพียงอย่างเดียว

เกิดการใช้งานบนบล็อกเชน Ethereum ในการสร้างแอปพลิเคชั่นต่างๆได้ จึงเกิดเป็น Decentralized Application ย่อว่า dApp

Decentralized Application หรือ dApp ก็คือแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ ตัดตัวกลาง(คน)ออกไปและใช้คำสั่งจากสัญญาอัจฉริยะ(Smart contract) แทน ทำให้แอปพลิเคชั่นต่างๆที่สร้างขึ้นมา สามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ 

ตัวอย่าง dApp ได้แก่ แพลตฟอร์มการกู้ยืมแบบกระจายศูนย์ เช่น Compound(เหรียญCOMP), การระดมทุน (ICO) ต่างๆ, กระดานซื้อขายแบบกระจายศูนย์ เช่น Uniswap(เหรียญUNI) รวมไปถึง เกมสะสมการ์ดแมว CryptoKitties 

Smart Contract สัญญาอัจฉริยะ คือข้อตกลงที่สามารถทำงานตามคำสั่งได้โดยอัตโนมัติ เมื่อเงื่อนไขครบตามที่ตกลงเอาไว้ และมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากอยู่บน Blockchain

เพื่อให้เห็นภาพการทำงานแบบอัตโนมัติโดยไม่มีคนกลาง ขอยกตัวอย่างตู้ขายน้ำอัตโนมัติ ในการเปรียบเทียบการทำงานของสัญญาอัจฉริยะ ภายในตู้ขายน้ำ จะมีเครื่องดื่มให้เลือกมากมายพร้อมติดราคาไว้เรียบร้อย และหากเราต้องการดื่มโค้ก ราคากระป๋องละ 15 บาท

สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ต้องทำตามเงื่อนไขให้ครบเพื่อให้โค้กนั้นถูกปล่อยออกมาในช่องหยิบสินค้า ก็คือ ต้องใช้เฉพาะเหรียญ 5,10 บาท หยอดลงตู้ให้ครบ 15บาท แล้วกดปุ่มโค้ก ตู้ขายน้ำก็จะปล่อยโค้กออกมาอัตโนมัติให้เรา 

จะเห็นว่า ตู้ขายน้ำก็คือ dApp, สัญญาอัจฉริยะ ก็คือเงื่อนไขที่ต้องใช้เหรียญที่กำหนดหยอดให้ครบตามราคา เมื่อใครก็ตามที่ทำตามเงื่อนไขครบ ก็ได้ดื่มโค้กกันทุกคน โดยที่ไม่ต้องมีตัวกลาง(คนเก็บตัง) มายืนขายเลย