โทเค็น Soulbound (SBT) คืออะไร? และทำงานอย่างไร?

โทเค็น Soulbound (SBT) หมายถึงโทเค็นข้อมูลประจำตัวดิจิทัลที่แสดงถึงลักษณะหรือชื่อเสียงของบุคคลหรือนิติบุคคล

ด้วยการสร้างระบบการเงินทางเลือกที่มีความยืดหยุ่นและนวัตกรรมพิเศษภายในเวลาไม่ถึงสิบปี Web3 ได้สร้างความประหลาดใจให้กับโลก ด้วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และการเข้ารหัส เช่น สัญญาอัจฉริยะ (smart contracts) ร่วมกับกลไกที่เป็นเอกฉันท์ (consensus mechanism) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดั้งเดิมของบล็อกเชน ได้ช่วยสร้างระบบ open-source ขึ้นมา เพื่อดำเนินการและอนุมัติธุรกรรมทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม ระบบนิเวศการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ไม่สามารถรองรับสัญญาโดยตรง เช่น สัญญาเช่าอพาร์ตเมนต์ เนื่องจากใน Web3 แบบดั้งเดิมขาดข้อมูลประจำตัวบุคคล บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงให้เห็นว่า ความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อยในการแสดงตัวตนทางสังคมด้วย โทเค็น soulbound สามารถช่วยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดเหล่านี้ และเปลี่ยนเส้นทาง Web3 ไปสู่เส้นทางที่น่าเชื่อถือและยังเปลี่ยนแปลงอะไร ๆ ได้อีกหลายอย่าง

โทเค็น Soulbound (SBT) คืออะไร?

โครงการและกรณีการใช้งานที่มุ่งเน้นไปที่อัตลักษณ์ทางสังคมและชุมชนมากกว่าแค่เรื่องเงิน เป็นสิ่งที่จำเป็นและน่าสนใจสำหรับบล็อกเชนที่จะเป็นแกนหลักของระบบนิเวศที่ทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum พร้อมด้วย Puja Ohlhaver ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ของ FlashBots และ E. Glen Weyl นักเศรษฐศาสตร์การเมืองและนักเทคโนโลยีสังคม ได้แนะนำแนวคิดของโทเค็น Soulbound ในบทความเรื่อง “Decentralized Society: Finding Web3’s Soul.” (สังคมที่มีการกระจายอำนาจ: การค้นหาจิตวิญญาณของ Web3)

ตามที่ผู้เขียนระบุว่า โทเค็น Soulbound หรือ SBT เป็นพื้นฐานสำหรับสังคมที่มีการกระจายอำนาจ (decentralized society ย่อว่า DeSoc) ซึ่งเป็นสังคมที่มีข้อกำหนดร่วมกันจากล่างขึ้นบน โดยที่ชุมชนและจิตวิญญาณมารวมกันเป็นลักษณะที่ปรากฏของกันและกัน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ใน plural network ที่มาจากระดับความสามารถที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล

SBT เป็นโทเค็นที่ตรวจสอบได้แบบสาธารณะ และเป็น nonfungible token (NFT) ที่ไม่สามารถถ่ายโอนได้ (non-transferable) ซึ่งแสดงถึงข้อมูลประจำตัว, ความร่วมมือ และภาระผูกพันของแต่ละบุคคล ดังนั้นแล้วโทเค็นแบบ non-transferable หรือโทเค็นที่ไม่สามารถถ่ายโอนได้ คืออะไร?

โทเค็นแบบ non-transferable หมายถึง NFT ที่เป็นตัวแทนของชื่อเสียงหรือข้อมูลความเป็นตัวตนของเจ้าของ และจัดเก็บไว้ที่ address หรือ กระเป๋าเงิน ได้ แต่ ‘ไม่สามารถขายได้’ แล้วคำว่า “Soul” หมายถึงอะไรในโทเค็น soulbound NFT? กระเป๋าเงิน หรือบัญชีที่โทเค็น soulbound หรือโทเค็นแบบ non-transferable ผูกไว้อย่างถาวร จะถูกเรียกว่า Soul ตัวอย่างเช่น วิญญาณ(Soul) สามารถแสดงถึงประวัติการจ้างงานของแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถรับรองตนเองได้คล้ายกับข้อมูลในประวัติส่วนตัว

แต่เมื่อ SBT ที่ถูกครอบครองแล้วโดย Soul ผู้หนึ่งก็จะสามารถออก — หรือรับรอง — โดย Soul อื่นที่เป็นคู่สัญญา (เช่น บุคคลหรือองค์กร) กับความสัมพันธ์เหล่านี้ นั่นคือเมื่อพลังที่แท้จริงของกลไกถูกเปิดเผย ตัวอย่างเช่น Ethereum Foundation อาจเป็น Soul ที่มอบรางวัล SBT ให้กับผู้ที่เข้าร่วมการประชุม Ethereum ตามรายงาน แนวคิดของ “plural network หลายๆกลุ่ม” หมายถึงปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารภายในเครือข่าย และเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดของการเติบโตทางเศรษฐกิจ

โทเค็น soulbound (SBT) ทำงานอย่างไร?

โทเค็น Soulbound อาจช่วยเครือข่าย Web3 ในการใช้โทเค็นแบบ non-transferable เป็นตัวบ่งชี้ ชื่อเสียง แทนที่จะอาศัยกรอบการทำงานที่เน้นเงินเป็นศูนย์กลางเพื่อให้ได้สิ่งเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันผู้ให้กู้ตรวจสอบยอดคงเหลือในบัญชีธนาคารของผู้กู้, คะแนนเครดิต และประวัติการชำระคืน เพื่อเสนอเงินกู้แบบที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

อย่างไรก็ตาม ด้วย SBT ที่แสดงข้อมูลประจำตัว, ชื่อเสียง จะทำหน้าที่เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ตอนนี้ หากคุณจำแนวคิดพื้นฐานของ NFT ได้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวแทนของทรัพย์สินหรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าทางการเงิน แต่จะตรวจสอบชื่อเสียงของใครบางคนในระบบ trustless บนบล็อกเชนได้อย่างไร

เพื่อให้เข้าใจแนวคิดนี้และการทำงานของ SBT ในพื้นที่ Web3 ลองมาดูตัวอย่างระบบการลงคะแนนขององค์กรปกครองตนเองแบบกระจายอำนาจ (decentralized autonomous organization ย่อว่า DAO) รูปแบบการกำกับดูแลของ DAO ส่วนใหญ่กำหนดอำนาจการลงคะแนนตามจำนวนโทเค็นที่ถือโดยสมาชิก

อย่างไรก็ตาม DAO ที่ออก SBT สามารถให้ความสำคัญกับชื่อเสียง มากกว่าจำนวนโทเค็นที่สมาชิกถือครอง ชื่อเสียงสามารถตรวจสอบได้ผ่านการโต้ตอบของผู้ใช้กับชุมชน ตัวอย่างเช่น ถ้วยรางวัลที่ได้รับจากโปรแกรม Governance Rewards ของ Kusama สำหรับสมาชิกผู้ลงประชามติบนเครือข่ายทุกคน ในการลงคะแนนเสียง สามารถใช้เพื่อแสดงถึงชื่อเสียงของพวกเขาได้

ที่กล่าวว่า ถ้วยรางวัล ทำหน้าที่เป็นภาพแทนกิจกรรมออนไลน์ของสมาชิกใน Kusama และ Polkadot DAO ซึ่งขณะนี้อาจเป็นหลักประกันที่เพียงพอสำหรับเงินกู้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน นอกจากนี้ ระบบการลงคะแนนตามชื่อเสียงอาจปกป้อง DAO จากการโจมตีของ Sybil

การโจมตีของ Sybil เกี่ยวข้องกับผู้ไม่หวังดีตั้งแต่หนึ่งคนขึ้นไป ที่เข้าควบคุม ‘โทเค็นการกำกับดูแล’ (governance token) จำนวนมาก เพื่อเปลี่ยนทิศทางของโครงการให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ โทเค็น Soulbound สามารถตรวจสอบได้แบบสาธารณะ สามารถปกป้อง DAO จากการตกหลุมพรางของผู้ไม่หวังดี ตัวอย่างเช่น soul ที่ถือ SBT ที่น่านับถือ อาจได้รับมอบอำนาจในการลงคะแนนเสียงข้างมาก เพื่อปกป้องความสมบูรณ์ของ DAO

อย่างไรก็ตาม คำถามต่อมาก็คือ แล้วโทเค็น Soulbound มันมีขึ้นแล้วหรือยัง? ซึ่งคำตอบก็คือ มีตัวอย่างบางส่วนเกี่ยวกับวิธีการใช้โทเค็น Soulbound ในโลก Web3 แล้ว ซึ่งจะมีอธิบายไว้ในส่วนด้านล่าง แต่โทเค็น Soulbound จะพร้อมใช้งานเมื่อใด?

Binance Account Bound (BAB) จะเป็น SBT แรกที่ออกในเชน BNB โดย Binance ซึ่งโทเค็น BAB นี้จะไม่มีมูลค่าทางการเงินและไม่สามารถโอนได้ แต่จะทำหน้าที่เป็นโซลูชัน การยืนยันตัวตนแบบดิจิทัล สำหรับลูกค้า Binance ที่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนด Know Your Customer (KYC) นอกจากนี้ โปรโตคอลของบุคคลที่ 3 สามารถใช้ BAB SBT เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงคะแนนและ airdrop ของ DAO รวมถึงกรณีการใช้งานอื่นๆ

สามารถใช้โทเค็น soulbound (SBT) ได้อย่างไร?

ในชีวิตประจำวัน มีกรณีการใช้งาน SBT มากมายใน Web3 ตามที่อธิบายไว้ด้านล่าง:

ความเป็นเจ้าของ NFT (ownership)

ศิลปินเจ้าของผลงานที่แท้จริง สามารถกำจัดบุคคลที่มาเอาเปรียบด้วยการขายคอลเลกชัน NFT ภายใต้หน้ากากของศิลปินที่มีชื่อเสียง โดยเชื่อมโยง SBT เข้ากับโปรไฟล์ทางศิลปะของพวกเขา ด้วย SBT นี้จะช่วยให้ผู้ซื้อสามารถติดตามแหล่งที่มาทางสังคมได้ อีกทั้งการรันอยู่บนบล็อกเชนจะช่วยให้พวกเขาติดตามได้ เมื่อมีการสร้างงานแบบเฉพาะเจาะจง

ตัวอย่างเช่น ศิลปินสามารถออก NFT ที่สามารถซื้อขายได้ จาก Soul เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อจดจำผลงานของศิลปินตามจำนวนของ SBT ที่มีอยู่ ซึ่งเป็นการสร้างความชอบธรรมของโทเค็น NFT ด้วยเหตุนี้ Souls จะช่วยพัฒนาวิธีการแบบออนไลน์ที่ได้รับการยืนยันโดยสาธารณะ สำหรับการ staking และพัฒนาชื่อเสียง (reputation) เกี่ยวกับแหล่งที่มาและความหายากของแต่ละไอเท็ม

ตำแหน่งงานว่าง

SBT ที่แสดงถึงข้อมูลรับรองด้านการศึกษาของผู้สมัคร เช่น ใบปริญญาและใบรับรองวิชาชีพ และประวัติการทำงานก่อนหน้านี้สามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงทักษะเพื่อตอบสนองความต้องการด้านทรัพยากรบุคคลขององค์กร

การเล่นเกม

กิจกรรม Web3 ของผู้ใช้ สามารถติดตามได้โดยใช้ SBT ซึ่งสามารถแปลงเป็นโทเค็น reputation แบบ non-transferable ภายในตัวอวาตาร์ของเกม ซึ่งสามารถเพิ่มระดับได้ด้วยวิธีนี้เท่านั้น นี่หมายถึงการเป็นพลเมือง Web3 ที่ดี: คุณสามารถเพิ่มระดับแทนการเล่นเกม มอบทักษะและประสบการณ์ที่เป็นแบบ non-transferable ให้กับอวาตาร์ของคุณ

การตรวจสอบประวัติเครดิตของผู้กู้

รายงานเครดิตแบบดั้งเดิม อาจแสดงโดย SBT ได้ ทำให้ผู้ให้กู้สามารถเข้าถึงโปรไฟล์เครดิตทั้งหมดของผู้กู้ได้ และ SBT อาจถูกแทนที่ด้วยเอกสารการชำระเงินหรือถูกลบออกเมื่อชำระคืนเงินกู้แล้ว เป็นผลให้ผู้คนไม่สามารถซุกซ่อนภาระหน้าที่ที่กำลังดำเนินอยู่ได้

โทเค็น Soulbound (SBT) คืออะไร? และทำงานอย่างไร?1

Souldrops

Web3 ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการขายโทเค็นหรือ airdrops เพื่อดึงดูดชุมชนใหม่ แต่ทั้งสองวิธีให้ผลลัพธ์ที่ปานกลาง แต่อีกทางเลือกหนึ่งที่ทำได้คือ Souldrops ที่สามารถออกได้โดยใช้ SBT ตัวอย่างเช่น ออก Souldrops ให้กับนักพัฒนาที่เข้าร่วมประชุม 5 จาก 10 ครั้งล่าสุด ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น หลักฐานของโปรโตคอลการเข้าร่วม (proof of attendance protocol ย่อว่า POAP) ผู้คนสามารถใช้ POAP ซึ่งเป็น NFT พิเศษนี้ เพื่อแสดงว่าพวกเขาได้เข้าร่วมถ่ายทอดสดหรือเหตุการณ์ที่บันทึกไว้

โทเค็น soulbound (SBT) มีประโยชน์อย่างไร?

ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้ SBT เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบข้อมูลประจำตัวคือ เนื่องจากข้อมูลถูก จำลองแบบ อย่างถาวรบนบล็อกเชน จึงไม่มีใครสามารถปลอมแปลงข้อมูลดังกล่าวได้ ยิ่งไปกว่านั้น รางวัลและใบรับรองใด ๆ ที่บุคคลได้รับสามารถตรวจสอบได้แบบสาธารณะผ่าน SBT ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจาก ความถูกต้องของ SBT เป็นสิ่งที่ไม่สามารถซื้อขายกันได้ จึงช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือโทเค็นและประชาชนทั่วไป

นอกจากนี้ โปรโตคอลจะสามารถตรวจสอบประวัติเครดิตของผู้กู้และประเมินคะแนนเครดิตเพื่อกำหนดจำนวนเงินที่พวกเขาสามารถยืมได้ ด้วย SBT NFT ยิ่งไปกว่านั้น SBT ยังจำกัดไม่ให้โครงการ Web3 กลายเป็นกระเป๋าเงินสด ด้วยการทำให้ ‘ตัวแทนดิจิทัล’ ไม่สามารถซื้อขายได้ ดังคำพูดที่ว่า “บุคคลทั่วไปไม่สามารถซื้อ NFT ได้ แต่ว่าเขาจำเป็นที่จะต้องพยายามหารายได้จากมัน”

มีความเสี่ยงใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโทเค็น soulbound (SBT) หรือไม่?

นอกเหนือจากข้อได้เปรียบที่มากมายแล้ว SBT ยังมีข้อเสียอีกด้วย ตัวอย่างเช่น การผสมกระเป๋าเงินในปัจจุบันอาจไม่เหมาะสำหรับ SBT เนื่องจากขาดวิธีการ กู้คืนชุมชน (community recovery) ด้วยเหตุนี้ กระเป๋าเงินสำหรับกู้คืนชุมชน (community recovery wallets) จึงต้องการ SBT ที่หลากหลายซึ่งกระจายไปทั่วชุมชนหลายแห่งเพื่อกู้คืน Soul ที่หายไป

วิธีแก้ไขปัญหาข้างต้นอยู่ในกลยุทธ์ community recovery ซึ่ง private key ของ Soul สามารถรับได้หากได้รับความยินยอมจากเสียงข้างมากของชุมชนหนึ่งในชุมชน (ที่ Soul เป็นเจ้าของ)

อย่างไรก็ตาม บุคคลหรือองค์กรบางแห่งอาจรับรู้ถึงผลประโยชน์ที่ขัดแย้งกับอุดมการณ์ของตนเอง ซึ่งในทางทฤษฎีอาจนำไปสู่การล่วงละเมิด, ความรุนแรง หรือแม้แต่การหลอกล่อ ซึ่งบ่งชี้ถึงความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวเมื่อข้อมูลส่วนตัวของบุคคลนั้นถูกเปิดเผย

ในทางทฤษฎี ระบบเครดิตแบบ SBT อาจนำไปสู่ระบบนิเวศแบบ dystopian (ซึ่งเสรีภาพและความคิดอิสระถูกจำกัด) เช่นเดียวกับระบบเครดิตทางสังคมของจีน ซึ่งกลุ่มสังคมเฉพาะจะถูกแยกออกโดยอัตโนมัติเนื่องจากการมีอยู่ของ SBT ที่เฉพาะเจาะจง

SBT กับ NFT

NFT สามารถซื้อและขายได้ผ่านตลาด NFT ในขณะที่ SBT เป็น NFT แบบ non-transferable ที่ไม่สามารถถ่ายโอนได้ เนื่องจากถูกผูกไว้กับ Soul สรุปความแตกต่างระหว่าง SBT และ NFT แสดงอยู่ในตารางด้านล่าง:

โทเค็น Soulbound (SBT) คืออะไร? และทำงานอย่างไร?2

แม้ว่า NFT จะไม่สามารถแก้ไขหรือทำซ้ำได้ แต่ก็สามารถถ่ายโอนได้ง่าย ซึ่งอาจเป็นปัญหาได้หากมีการใช้งานโดยบุคคลที่มีสิทธิ์เข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของก่อน ในขณะที่ SBT จะผูกติดอยู่กับ address ของ Soul โดยเฉพาะ และสามารถตรวจสอบได้ผ่านข้อมูลประจำตัวบนเครือข่าย ซึ่งจำกัดไม่ให้ใครแก้ไขได้

อนาคตของโทเค็น soulbound (SBT)

แนวคิดของโทเค็น soulbound แม้จะน่าสนใจ แต่ก็ค่อนข้างใหม่และไม่สามารถแทนที่ระบบนิเวศ NFT ได้ แต่สามารถใช้เป็นทางเลือกในการควบคุมข้อมูลประจำตัวได้ เช่น ช่วยให้ DAO สามารถมีส่วนร่วมกับสมาชิกในชุมชนได้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามดูว่าทั้ง SBT และ NFT จะอยู่ร่วมกันจนกว่า DeSoc จะกลายเป็นความจริงในพื้นที่ Web3 หรือว่า SBT จะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถทำหน้าที่เป็น โทเค็นข้อมูลประจำตัวดิจิทัล ได้ ในโลกที่กระจายอำนาจ

ที่มา LINK

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *