Stablecoin แบบ อัลกอริธึม นั้น ดูเหมือนจะเป็นโซลูชันที่น่าเชื่อถือ ในความพยายามนำเสนอ เงิน ‘แบบกระจายอำนาจ’
กลไกของ Stablecoins แบบ อัลกอริทึม
Stablecoin แบบ อัลกอริธึม มีกลไกที่ขึ้นอยู่กับแรงจูงใจของตลาดเพื่อรักษาการตรึงมูลค่าไว้ที่ดอลลาร์สหรัฐ สิ่งนี้ทำได้โดยการสร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ตัวอย่างหนึ่งของเหรียญ Stablecoin แบบอัลกอริทึม คือ $UST ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin ที่มีมูลค่า 18.6 พันล้านดอลลาร์ จากบล็อกเชน Terra (LUNA) ที่เพิ่งจะล่มสลายไป
เหรียญ Stablecoin ทั่วไปอาศัยเงินสำรองและหลักค้ำประกันเพื่อรักษาการตรึงมูลค่าไว้ในสัดส่วน 1:1 ดอลลาร์ ทุนสำรองและหลักประกันเหล่านี้สามารถเป็นได้ทั้งแบบเหรียญคริปโต หรือแบบเงิน fiat เหรียญ Stablecoins ที่ได้รับการค้ำประกันจากเหรียญคริปโต นั้นมีความเสี่ยงโดยธรรมชาติ เนื่องจากเป็นการใช้สินทรัพย์ที่มีความผันผวนในตัวเองมาค้ำประกัน โปรโตคอลที่ใช้กลไกนี้ จะต้องมีระบบการค้ำประกัน แบบ over-collateralize เพื่อสร้างสมดุลที่ปลอดภัย
ที่มา: $DAI เป็น Stablecoin ที่ออกโดยแพลตฟอร์ม MakerDAO ซึ่งมีการค้ำประกันมูลค่าด้วยเหรียญคริปโต
สิ่งนี้ทำให้ Stablecoins แบบ อัลกอริทึม เป็นเพียงตัวเลือกอื่น ๆ ที่เหมาะกับเรื่องราวของเงินที่กระจายอำนาจ ในระบบนิเวศที่กระจายอำนาจ Stablecoins แบบ อัลกอริทึม ต้องใช้การทำงานร่วมกันของสินทรัพย์คริปโต 2 รายการ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง Stablecoin กับ governance token (โทเค็นการกำกับดูแล) เป็นกลไกในการทำให้เหรียญ Stablecoin มีมูลค่าไม่ผันผวน
หาก Stablecoin มีมูลค่าสูงกว่า $1 เหรียญ Stablecoin สามารถแลกเปลี่ยนเป็น governance token ได้ ซึ่งจะคืนกำไรให้กับผู้ถือ ในทางกลับกัน หาก Stablecoin มีมูลค่าลดลงต่ำกว่า $1 ก็สามารถใช้ governance token เพื่อซื้อ Stablecoin เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นการลดอุปทานของ Stablecoin และเพิ่มราคากลับขึ้นมาที่ 1$ กลไกเหล่านี้เป็นระบบการเก็งกำไรนั่นเอง
สมมติฐานของตลาด
ปัญหาเกี่ยวกับ Stablecoin แบบ อัลกอริทึม ก็คือข้อสันนิษฐานว่า ผู้ที่มีบทบาทในระบบนิเวศจะถูกขับเคลื่อนด้วยสิ่งจูงใจ ระบบการเก็งกำไรทำงานบนสมมติฐานพื้นฐานภายใต้ ‘สภาวะตลาดปกติ’ ซึ่งสิ่งจูงใจจะผลักดันอุปสงค์และอุปทาน อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ได้ตอบสนองอย่างมีเหตุมีผลเสมอไป และสิ่งนี้ส่งผลให้ระบบการเก็งกำไร ‘ล้มเหลว’
ปฏิกิริยาของตลาดที่ไม่ลงตัว มักเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และในที่สุดตลาดก็จะแก้ไขตัวเอง Terraform Labs ตระหนักถึงความเสี่ยงนี้และสร้างการป้องกันชั้นที่สอง โดยการสำรอง Bitcoin ($BTC) จำนวนมาก เพื่อใช้เป็นหลักประกันในสภาวะตลาดที่ ‘รุนแรง’
Death Spiral เกลียวมรณะ
โครงการ Stablecoin แบบอัลกอริธึม อาจล้มเหลวได้ หากสมมติฐานนั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไป เกลียวมรณะจะเกิดขึ้นทันทีเมื่อมีแรงขายเกิดเป็นเกลียวที่ลดต่ำลง และทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง กับ governance token มูลค่าของ governance token จะลดลงเนื่องจากตลาดเต็มไปด้วย gov. Token ที่เพิ่งสร้างใหม่ออกมา
ที่มา: Death Spiral คือสถานการณ์ที่ลำดับของเหตุการณ์ทำให้เกิดแรงขายเป็นเกลียวที่ลดต่ำลง
เมื่อเกิด Death Spiral ขึ้น ระบบการเก็งกำไรก็จะล้มเหลว และเงินสำรองที่มีจะไม่สามารถรักษาการตรึงมูลค่ากับดอลลาร์ไว้ได้
Stablecoin แบบกระจายอำนาจ
เหรียญ Stablecoin เป็นแหล่งสภาพคล่องหลักในตลาดคริปโต ปัจจุบัน $USDT และ $USDC เป็นเหรียญ Stablecoin แบบ ‘รวมศูนย์’ ชั้นนำ ในตลาดคริปโต ในทางกลับกัน $LUNA และ $UST เคยได้สร้างความเชื่อมั่นของตลาดได้ เนื่องจากระบบนิเวศได้ตระหนักถึงความต้องการ Stablecoin ในรูปแบบ ‘กระจายอำนาจ’ ที่เชื่อถือได้
Stablecoin แบบอัลกอริทึม มีความเสี่ยงในเชิงระบบ และมีความเสี่ยงในตลาดที่ไม่สมบูรณ์ การพึ่งพาแค่เพียงสมมติฐานแบบเก็งกำไร เป็นเรื่องที่อันตราย ความล้มเหลวของ $UST ไม่ได้เป็นการทำลายความต้องการ ‘Stablecoin แบบกระจายอำนาจ’ ออกไป มันเป็นเพียงการขับไล่ ‘Stablecoin อัลกอริทึม’ ที่เป็นรูปแบบของเงินที่กระจายอำนาจ รูปแบบหนึ่ง
ที่มา LINK
