Web3 คืออะไรและจะแตกต่างจากอินเทอร์เน็ตปัจจุบันอย่างไร?

Web3 คืออะไร และจะแตกต่างจากอินเทอร์เน็ตปัจจุบันอย่างไร? อย่างที่เราเห็นกันว่าทุกวันนี้ โลกของเราพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก หลายสิ่งรอบตัวเปลี่ยนไป ล้วนแล้วแต่ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่าอินเทอร์เน็ตนั้นมีผลต่อการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ แม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะมีมานานกว่า20ปีมาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงศักยภาพของมันได้อย่างสิ้นสุด 

ลองนึกภาพประเภทของอินเทอร์เน็ตที่มีความอัจฉริยะมากขึ้น ไม่เพียงแค่ทำตามคำแนะนำของคุณ แต่ยังตีความและรู้ใจคุณไปซะทุกสิ่งที่คุณนำเสนอผ่านข้อความหรือคำพูด อินเทอร์เน็ตที่สามารถเลือกสรรผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจงและรู้ใจคุณได้มากกว่าที่เคย สิ่งนี้แหละที่หลายคนเรียกมันว่า อินเทอร์เน็ตหรือเว็บ 3.0

 

อินเทอร์เน็ต 3.0 (Web3) คืออะไร?

นาย Tim Berners-Lee ผู้สร้าง World Wide Web (www) เรียกอินเทอร์เน็ต 3.0 ว่า Semantic Web (ข้อมูลที่เชื่อมต่อถึงกัน) Web 3.0 มุ่งเป้าไปที่ความเป็นอิสระ ชาญฉลาด และเปิดกว้างมากขึ้น สามารถเชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมดในลักษณะการกระจายอำนาจ (Decentralized) ซึ่งเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่จากระบบปัจจุบันที่ข้อมูลถูกจัดเก็บไว้ในที่เก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์ (Centralized) จะมี 2 โครงสร้างหลักที่สำคัญซึ่งอินเทอร์เน็ต 3.0 จะใช้ ได้แก่ โครงสร้างในเชิงความหมายของเว็บและโครงสร้างปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งโปรแกรมจะสามารถเข้าใจข้อมูลตามแนวคิดและบริบท และมนุษย์สามารถโต้ตอบกับเครื่องจักรได้

อินเทอร์เน็ตมีวิวัฒนาการอย่างไร?

Web 1.0 (ปี 1989-2005): เป็นอินเทอร์เน็ตในยุคเริ่มต้น เรียกอีกอย่างว่า the Static Web เป็นเว็บไซต์ที่ตอบสนองทางเดียว ไม่มีการเชื่อมต่อกับ Database ไม่สามารถเก็บข้อมูลต่างๆได้ แม้จะให้การเข้าถึงข้อมูลที่จำกัดโดยมีการโต้ตอบกับผู้ใช้เพียงเล็กน้อย ไม่มีอัลกอริธึมในการเปลี่ยนไปหน้าต่างๆ หรือเพจอื่นๆ ทำให้การค้นหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์เป็นเรื่องยากมาก แต่ก็ยังคงเป็นแหล่งข้อมูลเว็บที่น่าเชื่อถือที่สุดในยุค90 

Web 2.0 (2005- ปัจจุบัน) เป็นวิวัฒนาการของเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย ทำให้อินเทอร์เน็ตมีการโต้ตอบกันได้มากขึ้น เช่น เพจ YouTube, Facebook, Wikipedia, Twitter, Instagram มีการเชื่อมต่อกับ Database ทำให้สามารถเก็บข้อมูลต่างๆไว้บนเว็บไซต์ได้ ผู้ใช้งานสามารถเข้ามาสร้างเนื้อหากันเองได้ สามารถแชร์ข้อมูลข้ามแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันต่างๆได้

Web 3.0 (ในแบบที่คาดว่าจะเป็น) จะเป็นยุคถัดไป ที่จะมีวิวัฒนาการไปสู่ยุคที่อินเทอร์เน็ตมีความชาญฉลาดมากขึ้น และสามารถประมวลผลข้อมูลได้เกือบจะเทียบเท่ากับสมองของมนุษย์โดยใช้จุดแข็งของระบบ AI เนื่องจากโปรแกรมต่างๆ จะสามารถโต้ตอบกันเองได้โดยไม่ต้องได้รับการกระตุ้นจากมนุษย์ในทุกๆด้าน เช่น อุปกรณ์เครื่องใช้ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต (ออฟไลน์) ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ยกตัวอย่าง เครื่องใช้ในบ้าน สามารถออนไลน์และโต้ตอบกับเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานอัตโนมัติได้เลย 

และคาดว่า Web 3.0 จะมอบประสบการณ์การท่องเว็บที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นและจะช่วยสร้างอินเทอร์เน็ตที่เท่าเทียมกันมากขึ้น และยุคนี้เองที่จะทำให้เทคโนโลยีอย่าง Machine Learning (ML), Big Data, AI, Blockchain และเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่น ๆ สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ 

การรันข้อมูลแบบ Decentralized จะทำให้คาดการณ์ได้ว่า ในอนาคตจะเห็นการทำงานร่วมกันของแต่ละเทคโนโลยีแบบไร้รอยต่อ บน Smart Contract ที่จะทำให้ทุกอย่างก้าวหน้าไปอีกขั้น ตั้งแต่ การทำ Microtransaction, Peer-to-Peer การกักเก็บข้อมูล การทำงานข้ามแอปพลิเคชัน หลายๆธุรกิจจะปรับเปลี่ยนรูปแบบ เพราะผู้คนจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น 

นำไปสู่การมาของ Metaverse และการต้องใช้จ่ายด้วยคริปโตเคอเรนซี่ในโลกเสมือนนั้นจะเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลย

ที่มา LINK

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *