
เครือข่าย Layer-2 คืออะไร? และทำไมจึงน่าสนใจในปีนี้? แต่ก่อนที่เราจะว่ากันถึงเรื่อง เครือข่าย Layer-2 คืออะไร? เรามาทำความเข้าใจ ความสัมพันธ์ของเครือข่าย Layer-2 เกี่ยวอะไรกับคริปโตเคอเรนซี่ และ บล็อกเชน กันก่อน
นับจากวันที่โลกใบนี้มีสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอเรนซี่) เกิดขึ้น ตั้งแต่ปี 2009 สกุลคริปโตตัวแรก ก็คือ Bitcoin (BTC) หลังจากนั้นก็มีสกุลเงินดิจิทัล และโทเคนเกิดตามมามากมาย จนถึงวันนี้ 13 ปี ที่ผ่านมา เรามีสกุลเงินดิจิทัล มากถึงกว่า 20,000 สกุลเลยทีเดียว
คริปโตเคอเรนซี่ เป็นสกุลเงินที่ไร้ตัวกลาง ใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน เป็นระบบตรวจสอบบัญชี และบันทึกบัญชีแบบกระจายศูนย์ และเมื่อโลกของเรามีเงินที่ไร้ตัวกลางเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่แปลกที่ธนาคารไร้ตัวกลาง (DeFi) และแพลตฟอร์มไร้ตัวกลางต่างๆ จะเกิดขึ้นตามมา
Ethereum (ETH) เป็นบล็อกเชน ที่มี แพลตฟอร์ม DeFi รันอยู่เยอะที่สุด DeFi ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยการใส่ smart contract (สัญญาอัจฉริยะ) ไปบนบล็อกเชน เช่น Compound (COMP), Aave (AAVE), Balancer (BAL), Curve (CRV) ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มเกมแบบ P2E และแอปพลิเคชั่นอื่นๆ อีกมากมาย บนเชน Ethereum
ซึ่งภายหลังจากที่มีการบูม ของ DeFi ในปี 2021 รวมถึง กระแสความนิยมในภาคของ NFT ทำให้เกิดปริมาณธุรกรรมเป็นจำนวนมาก บนบล็อกเชน Ethereum อันเนื่องมาจาก มีผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น ปัญหาที่ตามมาก็คือ ธุรกรรมไปช้า และค่าธรรมเนียม(gas fee) แพง
ผู้ช่วยคนสำคัญ ที่จะมาแก้ปัญหาธุรกรรมไปช้า และค่า gas แพง ก็ได้เกิดขึ้น ใช่! เค้าคือเครือข่าย Layer-2 เค้าเกิดมาเพื่อ Ethereum แม้ในระหว่างนี้ Ethereum จะกำลังอยู่ในขั้นตอนอัพเกรดตัวเอง ไปเป็น ETH 2.0 ซึ่งก็ทำสำเร็จไปหลายขั้นตอนแล้ว แต่การอัพเกรด เพื่อเข้าสู่ความสมบูรณ์แบบขั้นสุด มีแผนการที่กินเวลายาวนานนับจากนี้ไปอีก 6 ปี
และระหว่างนี้ ถ้าหากไม่มี เครือข่าย Layer-2 มาช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ บล็อกเชน Ethereum ก็จะถูกบรรดาบล็อกเชนกลุ่ม Infrastructure ที่เรียกตัวเองว่าเป็น “นักฆ่าEthereum” เช่น Solana (SOL), Polkadot (DOT), Cosmos (ATOM), Avalanche (AVAX), Cardano (ADA) ฯลฯ ชิงความเป็นหนึ่งไปอย่างแน่นอน
แล้วเครือข่าย Layer-2 ช่วยได้ยังไง?
เครือข่าย Layer-2 นั้นมีหลายเทคโนโลยี แต่ที่โดดเด่นก็คือเทคโนโลยี ที่เรียกว่า ”rollups” (โรลอัพ) ที่จะสามารถ ช่วยตรวจสอบธุรกรรม แล้วรวบรวมหลาย ๆ ธุรกรรมม้วนรวมกัน แล้วส่งไปบันทึกที่เชนหลัก (Ethereum) ทางเดียวกันไปด้วยกัน เฉลี่ยค่า gas
ด้วยวิธีนี้ จะช่วยเพิ่มพื้นที่ว่าง ให้กับเครือข่ายหลัก (Ethereum) ทำให้ธุรกรรมไปไว ไหลลื่นขึ้น และค่า gas ถูกลงอย่างมาก ซึ่งโรลอัพ ที่เกิดขึ้นและได้มีการเปิดใช้งานแล้ว ได้แก่ Arbitrum, Optimism และอื่นๆ ดูเพิ่มเติมที่นี่ 👉 https://l2beat.com/
อย่างที่กล่าวข้างต้นว่า ภาคส่วน DeFi และ NFTs นั้นเติบโตขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง มีรายงานล่าสุดโดย DappRadar กล่าวว่า การซื้อขาย NFT ในช่วงสิบวันแรกของปี 2022 สร้างรายได้ 11.90 พันล้านดอลลาร์เทียบกับ 10.7 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2021
ซึ่งหาก บล็อกเชน ของ Ethereum ขยายขนาด เพื่อรองรับธุรกรรมได้ไม่ทัน ก็จะส่งผลต่อการเติบโต ของภาคส่วนนี้อย่างแน่นอน และนี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเหล่าบรรดาเครือข่าย Layer-2 จึงมีความสำคัญอย่างมากในปีนี้ จับตาดูพวกเค้าให้ดี และอย่าพลาดในการศึกษาโอกาสเพื่อร่วมลงทุนกับ Layer-2 หากในอนาคตพวกเค้าออกโทเคนเป็นของตัวเอง
อ้างอิง Coinmarketcap, Cointelegraph, Medium
1 thought on “เครือข่าย Layer-2 คืออะไร?”